ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 1069 เพ้อพก
ตอนที่ 1069 เพ้อพก
เซียวเหวินอวี๋เลิกม่านขึ้นมองออกมาทีหนึ่ง ก็พลันสะดุ้งตกใจ
ยามนี้ฟู่หลินไม่เพียงแต่เปล่งรัศมีสังหารรอบกาย แต่แววตายังเหี้ยมโหด ที่สำคัญที่สุดก็คือเขาถึงกับได้เห็นลำแสงสีดำรอบกายเขา นี่มันวิชามารอันใดกัน
เซียวเหวินอวี๋สับสนในใจ เขานึกเสียใจภายหลังแล้วที่ไปบอกให้คนผู้นี้มา
หากให้เขาได้กลายเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามต่อหน้าหวงเอ๋อร์ ใช่ว่าจะยิ่งทำให้หวงเอ๋อร์ยิ่งเชื่อใจเขาหรือ
เซียวเหวินอวี๋คิดไปคิดมาก็กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ตอนนี้นางยังไม่เป็นอันใด ก่อนหน้านี้นางถูกคนจับตัวไป ยังส่งคนกลับมาแจ้งได้ หากเป็นไปตามการคาดหมายของเรา นางอยากดูว่าคนที่จับตัวนางไป มีผู้ใดอยู่เบื้องหลัง”
เซียวเหวินอวี๋เอ่ยถึงเรื่องนี้ก็ภาคภูมิใจในตัวบุตรสาวไม่น้อย ไม่เสียทีที่เป็นรัชทายาทแห่งแคว้นต้าโจว ถึงกับเก่งกาจเพียงนี้
ฟู่หลินได้ยินเซียวเหวินอวี๋ก็คลายความกังวลลง ก่อนหน้านี้เขาร้อนใจมาก ดังนั้นจึงได้สูญเสียการควบคุมสติตนเองไปบ้าง ความจริงอาหวงจะถูกจับไปได้เช่นนี้ได้อย่างไร
แต่แม้เป็นเช่นนี้ ฟู่หลินก็ยังคงโมโหมาก หากจับตัวคนบงการได้ เขาไม่มีทางปล่อยไปเป็นแน่
ฟู่หลินตามรถม้าเซียวเหวินอวี๋เดินทางไปสถานที่ที่เซียวหวงอยู่
ในรถม้า เซียวเหวินอวี๋หน้าตาบึ้งตึงไม่พูดไม่จา ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเอ่ยถามเบาๆ ว่า “เป็นอันใดหรือเพคะ”
“หึ ข้าเสียใจ ไม่ควรเรียกเจ้าหมอนั่นมาด้วย เดิมหวงเอ๋อร์ก็รู้สึกดีต่อเขา หากเขามาทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามอีก หวงเอ๋อร์จะไม่ยิ่งชอบเขาหรือ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองเซียวเหวินอวี๋พลางครุ่นคิด
เซียวเหวินอวี๋เห็นนางเงียบก็ถามอย่างแปลกใจว่า “เป็นอันใดไปหรือ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเขยิบเข้าไปใกล้เซียวเหวินอวี๋ กระซิบที่ใบหูเบาๆ ว่า “เมื่อครู่คุณชายใหญ่ตระกูลฟู่เรียกหวงเอ๋อร์ว่าอาหวง ข้ามาคิดดูให้ดีแล้ว น้ำเสียงเขาสนิทสนมดังคนในครอบครัวเช่นนั้น และข้ารู้สึกได้ว่าเขาร้อนใจเป็นห่วงอย่างแท้จริง ไม่เหมือนเสแสร้ง ฝ่าบาท คุณชายใหญ่ตระกูลฟู่เดิมเป็นคนปัญญาอ่อน ตอนนี้อยู่ดีๆ ก็หายดี และดูแล้วยังเป็นคนฉลาดมาก ทรงคิดว่าเขาอาจผ่านเรื่องราวเหมือนข้ากับท่านแม่มา ทรงคิดไหมว่าเขาจะเคยพบกับอาหวงมาในภพก่อนหรือไม่ ภพก่อนพวกเขาก็รู้จักกันแล้วหรือ หรือควรกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า ภพก่อนพวกเขาก็คือคนรักกัน ชาติภพนี้ได้มาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง”
เซียวเหวินอวี๋ตกใจกับคำพูดของซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน “เจ้ากำลังบอกว่าอาหวงไม่ใช่บุตรสาวพวกเรา นางคือ…”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนส่งสายตาจ้องใส่เซียวเหวินอวี๋ทีหนึ่ง “วาจาเหลวไหลอันใด นางก็คือบุตรสาวพวกเรา เป็นบุตรสาวที่ข้าให้กำเนิดมาเอง ข้าเพียงแต่บอกว่านางพกความทรงจำภพก่อนติดตัวมาด้วย หรือว่ามีความทรงจำก็มิใช่บุตรสาวพวกเรา ไม่ใช่หม่อมฉันให้กำเนิดหรือเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋ยังคงปวดหัว พร้อมกับเริ่มสับสน
หากบุตรสาวพกความทรงจำภพก่อนติดตัวมาด้วย เช่นนั้นเขาแนบชิดกับท่านแม่นางในตอนที่นางยังเด็ก นางก็ได้รู้ได้เห็นหมดแล้วอย่างนั้นหรือ
ไม่ ไม่นะ
เซียวเหวินอวี๋ไม่ยินยอมที่จะยอมรับเรื่องเช่นนี้
“ล้วนเป็นการคาดเดาของเจ้า ข้ารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องจริง หากจริง เหตุใดพวกเขาสองคนไม่พูด”
เรื่องนี้ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนหาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ได้ หากเป็นเช่นนี้จริง พวกเขาสองคนก็มาบอกกับพวกนางได้ พวกนางจะไม่ยินยอมให้พวกเขาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร
แต่พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้เอ่ยอันใด หรือว่านางคิดมากไปแล้ว
เซียวเหวินอวี๋ตามมาถึงอย่างรวดเร็ว ผู้บงการคาดไม่ถึง เขาถึงกับนำทหารกล้ากองหนึ่งออกมาขวางทางเซียวเหวินอวี๋กับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน คนเป็นหัวหน้ายังสั่งให้คนไปนำตัวเซียวจิ่งกับเซียวหวงออกมา
“รัชทายาท ฮ่องเต้นำคนมาถึงแล้ว ท่านรีบนำตัวองค์หญิงออกไปได้แล้ว”
ยามนี้เซียวจิ่งสงบนิ่งลงแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาคิดหยุดมือก็ไม่ทันแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องนำเซียวหวงมาแลกบัลลังก์ฮ่องเต้ให้ได้
เซียวจิ่งลุกขึ้น เซียวหวงค่อยๆ เงยหน้ามองเขา เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “เสด็จพี่ ท่านจะทำเช่นนี้จริงหรือ ผลที่จะเกิดจากการกระทำนี้ของท่าน จะทำให้ท่านไม่อาจออกจากสุสานหลวงไปชั่วชีวิต ในทางกลับกัน หากตอนนี้ท่านออกไปพบเสด็จพ่อกับข้า ทูลว่าทำผิดไปแล้ว ไม่แน่ว่าเสด็จพ่ออาจจะละเว้นท่าน”
เซียวจิ่งได้ฟังเซียวหวงก็ตวาดอย่างโมโหว่า “หุบปาก แม้ว่าเจ้าได้เป็นรัชทายาทแล้ว แต่ตอนนี้อายุเพียงสิบห้า เสด็จพ่อยังหนุ่ม ก็ไม่รู้เมื่อใดที่จะทรงแก่ชราให้เจ้าขึ้นครองบัลลังก์ ข้าไม่อยากอยู่ในสุสานหลวงที่เย็นเยียบอับชื้นเช่นนั้นอีกแล้ว แม้เพียงหนึ่งเค่อก็ไม่คิดกลับไป”
เขากล่าวจบก็ไม่มองเซียวหวงอีก สั่งการดุดันว่า “พาตัวนางออกไป”
ตอนพวกเขาคิดเข้ามาจับตัวเซียวหวง เซียวหวงเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นเยียบว่า “อย่าแตะต้องเรา เรามีเท้าเดินเองได้”
นางลุกขึ้นเดินตามกลุ่มคนออกไป นอกห้องมีชายวัยกลางคนในชุดเกราะผู้หนึ่งเดินเข้ามาคำนับเซียวจิ่งนอบน้อม “ฝ่าบาท เชิญพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวหวงเงยหน้ามองเห็น ก็พลันจำได้ นางอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“ที่แท้เป็นแม่ทัพเนี่ย บังอาจมากเกินไปแล้ว”
เนี่ยเยี่ยเจินหันไปมองรัชทายาท กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นกล่าวว่า “สตรีก็ควรอยู่แต่ในจวน ปรนนิบัติสามี ดูแลบุตร แม้แต่องค์หญิงก็ไม่ควรทำลายกฎแห่งฟ้าดินเช่นนี้ กระหม่อมจะธำรงกฎระเบียบให้แคว้นต้าโจว เอง พวกท่านแต่ละคนต้องถูกหญิงผู้นั้นลวงหลอกเป็นแน่ นางคือปีศาจแห่งแคว้นต้าโจว ควรสังหารให้สิ้นซาก”
เซียวจิ่งฟังคำพูดเนี่ยเยี่ยเจินไม่เข้าใจ เซียวหวงกลับฟังเข้าใจ เขาหมายถึงท่านย่าที่อยู่ไกลถึงเมืองหนิงโจว
เพราะเสด็จพ่อกับเสด็จแม่สอนนางมา กอปรกับเสด็จแม่เป็นบุตรสาวบุญธรรมท่านย่า เขาจึงได้กล่าวเช่นนี้
เซียวหวงสีหน้าเคร่งเครียด เอ่ยว่า “แม่ทัพเนี่ยระวังวาจาด้วย ท่านย่าข้าเป็นสตรีมหัศจรรย์แห่งใต้หล้า หากไม่ใช่นางก็ไม่มีเสด็จพ่อข้ากับข้า และก็ไม่มีแคว้นต้าโจวที่รุ่งเรืองเช่นวันนี้ วันนี้ชาวแคว้นต้าโจวเราทุกคนได้มีกินอิ่มท้อง แต่ละคนถึงกับได้เรียนหนังสือ ได้รับการรักษาที่ดี ล้วนเป็นเพราะท่านย่าข้า”
“ผู้ที่มีใจดังหมาป่าชั่วน่าจะเป็นทัพเนี่ยมากกว่า ไปนำตัวรัชทายาทที่ถูกปลดเพราะทำความผิดออกมาจากสุสานหลวง ท่านวางแผนร้ายอันใดกันแน่ คิดควบคุมฮ่องเต้สั่งการใต้หล้าหรือ เรามองไม่ออกว่าตระกูลเนี่ยท่านถึงกับมีความคิดเป็นใหญ่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าอู่กั๋วกงรู้หรือไม่ว่าน้องชายเขากระทำการเช่นนี้ อีกอย่าง มารดาแก่ชราของท่านรู้หรือไม่ว่าท่านคิดการใหญ่เช่นนี้”
เอ่ยถึงเรื่องนี้ เนี่ยเยี่ยเจินก็มีสีหน้าดำทะมึน แววตาราวกับพายุฝนโหมกระหน่ำ เขาอดคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้ หากไม่ใช่หญิงผู้นั้น อี๋เหนียงที่เลี้ยงดูเขามาก็คงไม่ตาย แน่นอนว่าต่อมาเขาเองก็คิดเข้าใจหลายเรื่อง สิ่งที่หญิงผู้นั้นทำก็ไม่ถูกต้องจริง แต่เพราะหญิงผู้นั้น ทำให้ตนเองถูกขับไปประจำกองทัพ ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ต้องการเขา พวกเขาโยนเขาไว้ที่ค่ายทหาร ให้เขาทำลายตนเองให้สิ้นไปเอง
ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่เขายากลำบากที่สุด ต่อมาเขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องดำรงตนให้เหนือคน ยอมทนลำบากตรากตรำ รอให้เขาประสบผลสำเร็จ ให้ท่านพ่อได้รู้ว่าเขาไม่ใช่เศษสวะ ท่านพ่อเขากลับตายไปเสียก่อน พี่ชายตนเองได้รับบรรดาศักดิ์กั๋วกงต่อจากบิดา แล้วอย่างไร พวกเขายังคงปล่อยให้เขาประจำอยู่ค่ายทหาร ไม่ให้เขากลับมา
เขารู้ว่าพวกเขาทำเช่นนี้ ก็เพราะกลัวฮ่องเต้ทรงนึกถึงเรื่องในอดีตที่เขากระทำต่อหญิงแก่ผู้นั้น แล้วจะนำภัยมาสู่ตระกูลเนี่ยหรือ
เชอะ ในเมื่อเขานำคนเข้าเมืองหลวงมาก่อกบฏแล้ว รอให้ปลดรัชทายาท เซียวจิ่งขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็จะได้เป็นขุนนางผู้มีความชอบแห่งแคว้นต้าโจว ถึงตอนนั้น ดูว่าผู้ใดยังจะกล้าดูแคลนเขาอีก
เนี่ยเยี่ยเจินครุ่นคิดแล้วก็มองเซียวหวงด้วยสีหน้าเย็นเยียบ กล่าวว่า “รอให้รัชทายาทเซียวจิ่งขึ้นครองราชย์ ก็จะเลือกคู่ครองให้องค์หญิง วันหน้าองค์หญิงก็อยู่แต่ในจวนปรนนิบัติสามีดูแลบุตรไปอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวจะดีกว่า”
เซียวหวงแค่นหัวเราะเยาะ กล่าวว่า “อาศัยเพียงเจ้าก็คิดจะครองแผ่นดินแคว้นต้าโจวหรือ เพ้อพก”
**************************