ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 423 พ่อลูกห้าคนฝึกยุทธ์พร้อมกัน
ตอนที่ 423 พ่อลูกห้าคนฝึกยุทธ์พร้อมกัน
หลี่เหวินปินไม่อยากอยู่ที่นี้ เขาอยากจะพาเซี่ยอวิ๋นจิ่นออกไป แต่ลู่เจียวเพิ่งจะบอกว่าตอนนี้ตระกูลใหญ่ทั้งสี่จับตาดูพวกเขาอยู่ ยามนี้หากเขายืนยันว่าจะให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นออกไป ก็เกรงว่าพวกเขาจะสงสัยว่าเขามีเจตนาอื่น ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจพักที่นี่ชั่วคราว
หลี่เหวินปินครุ่นคิดเเล้วก็ขอบคุณลู่เจียว ก่อนจะตามหลินตงออกไป
ในห้องโถง ลู่เจียวขยับเข้าไปใกล้เซี่ยอวิ๋นจิ่น หรี่เสียงให้เบาลงกล่าวว่า “มาด้วยเจตนาไม่ดี ครั้งนี้เขาปรากฏตัว เป็นไปได้ว่าตระกูลจางบีบบังคับให้เขาลงมือกับเจ้า เจ้าต้องระวังตัวหน่อย อีกอย่างสองสามวันนี้เจ้า ไม่ต้องไปอ่านตำราที่สำนักศึกษาแล้ว อยู่แต่ในบ้าน ข้าอยากจะดูนักว่าหลี่เหวินปินจะลงมืออย่างไร”
ลู่เจียวอยู่ใกล้กับเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาก กลิ่นหอมอ่อนๆ ของยากรุ่นกำจายออกมาจากร่างของนางโชยแตะจมูกเซี่ยอวิ๋นจิ่น ชายหนุ่มรู้สึกว่าหอมอย่างที่สุด เขามองใบหน้างามที่อยู่ใกล้เพียงคืบ ในใจก็เต้นแรงอย่างไม่อาจระงับ แววตาจับจ้องริมฝีปากสีแดงชาดของลู่เจียว
ปากแดงฉ่ำอ่อนนุ่มราวกับขนมรสเลิศดึงดูดให้เขาก้มลงไปลิ้มชิมรส
เซี่ยอวิ๋นจิ่นลืมตัวก้มลงจุมพิตนางด้วยสัญชาตญาณ
ลู่เจียวนิ่งอึ้งลืมแสดงปฏิกิริยา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นจุมพิตลงไปแล้วก็รู้ว่าตนเองบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว แต่ก็จำต้องผละออกมา ก่อนจะผละออกยังกดหนักๆ ลงไปทีหนึ่ง เขากลัวว่าลู่เจียวจะตำหนิ จึงรีบลุกขึ้นจากไปทันที “ข้าไปดูหลี่เหวินปิน”
กล่าวจบก็ก้าวออกไปอย่างลนลาน ลู่เจียวได้สติคืนมา ปฏิกิริยาแรกสุดก็คือโมโหเขินอาย ต่อมาก็อดยิ้มไม่ได้
จุมพิตเมื่อครู่ของเซี่ยอวิ๋นจิ่นเพียงแค่แตะแผ่วเบาทีหนึ่ง ไม่ใช่การจุมพิตจริงๆ และนางดูออกว่าเจ้าหมอนี่เหมือนจะจุมพิตไม่เป็น ไม่นับว่าเป็นการจุมพิตแท้จริง
ลู่เจียวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกขำ โดยเฉพาะพอคิดถึงตอนที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นหนีไปอย่างลนลาน ก็ยิ่งรู้สึกขำจนลืมตำหนิเขาไป
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นออกจากห้องโถงมา ก็ยกมือลูบริมฝีปากตนเอง พยายามระงับใจที่เต้นแรงโครมครามให้สงบนิ่งลง
ริมฝีปากเจียวเจียวอ่อนนุ่มมาก แต่เขายังไม่ได้สัมผัสละเอียดก็ต้องผละออก
ในในเซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบนึกเสียใจ จากนั้นก็ครุ่นคิดว่าครั้งหน้า ครั้งหน้าจุมพิตอีกที จะต้องนานอีกหน่อย
แต่ไม่รู้ว่าเจียวเจียวจะโมโหหรือไม่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบนึกครุ่นคิดอยู่คนเดียว ไม่กล้ากลับไปดูว่าลู่เจียวโมโหหรือไม่ สุดท้ายได้แต่พาคนไปดู หลี่เหวินปิน
ตกค่ำ ลู่เจียวจัดอาหารต้อนรับหลี่เหวินปิน
ที่นี่คือบ้านตระกูลเซี่ย และยังมีลู่เจียวอยู่ด้วย หลี่เหวินปินไม่กล้าลงมือ เพราะวิชาการแพทย์ลู่เจียวร้ายกาจมาก การตายของเหลียงจื่อเหวิน คนสี่ตระกูลใหญ่ต่างเดาว่าถูกคนลงมือลอบทำร้าย และที่น่าเป็นไปได้มากที่สุดก็คือเหลียงจื่อเหวินถูกคนวางยา ยานั้นต้องเป็นยาจากลู่เหนียงจื่อผู้นี้อย่างแน่นอน
หลี่เหวินปินไม่กล้าใช้ยาพิษต่อหน้าลู่เจียว กลัวจะถูกพบเข้า
ดังนั้นอาหารเย็นมื้อนี้จึงผ่านไปอย่างเรียบร้อย ไม่ได้เกิดเรื่องอันใด
อาหารค่ำคืนนี้ หลี่เหวินปินดูเหม่อลอย เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็เหม่อลอย เขาแอบลอบมองลู่เจียวอยู่เป็นระยะ พอเห็นสีหน้าลู่เจียวปกติดี เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็แอบคาดเดาว่า ไม่โกรธเขากระมัง เช่นนั้นครั้งหน้าเขาจุมพิตอีกได้ใช่ไหม จะได้จุมพิตนานอีกสักหน่อย
สายตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเหมือนเอาแต่จับจ้องริมฝีปากลู่เจียว ลู่เจียวเห็นก็รีบเงยหน้าส่งสายตาจ้องใส่เซี่ยอวิ๋นจิ่น
นี่ได้คืบจะเอาศอกหรืออย่างไรกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบส่งยิ้มให้นาง
สองสามีภรรยาส่งสายตาให้กันไปมา ตกอยู่ในสายตาของหลี่เหวินปิน ยิ่งกระตุ้นให้เขาอิจฉาตาร้อนยิ่งขึ้น
ถือสิทธิ์อันใด ถือสิทธิ์อันใด คนอื่นล้วนมีความสุข มีแต่เขาที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
ปรากฏหลี่ซิ่วไฉโมโหอัดอั้นจนดื่มมากเกินไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเดิมยังคิดว่าเขาจะหลุดอะไรออกมาบ้าง ปรากฏคนผู้นี้ดื่มเมาแล้วก็หลับเป็นตายราวกับสุกรตัวหนึ่ง
สุดท้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นเรียกหลินตงเข้ามาประคองหลี่เหวินปินไปพักผ่อน
พอหลี่เหวินปินออกไป ในห้องโถงก็เหลือแค่สองสามีภรรยา เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบกล่าวขอโทษ “เจียวเจียว ตอนบ่ายข้าระงับใจไม่อยู่ ดังนั้นจึงได้ จึงได้…”
ลู่เจียวเอ่ยเตือนเขาอย่างไม่พอใจ “ครั้งหน้ากล้าจุมพิตโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากข้าอีก ดูซิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ไม่คิดคุยเรื่องนี้ต่อ นางลุกขึ้นจะไปเรือนด้านหลัง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังมองลู่เจียวอย่างตกใจ ปล่อยผ่านไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ หากเป็นเช่นนี้ ครั้งหน้าเขาย่อมกล้าทำอีก!
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเม้มปากยิ้ม ลู่เจียวไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย หันหลังนำคนไปเรือนด้านหลังร้องเพลงเด็กให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ฟัง
วันรุ่งขึ้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นตื่นมาก็มาเรียกเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ที่เรือนด้านหลัง ไม่ให้ทำให้ลู่เจียวตื่น
พ่อลูกห้าคนไปลานฝึกยุทธ์ทางตะวันตก วิ่งรอบ ย่อท่าม้า ยืนย่อเข่านิ่ง ดัดขา ดัดแขน ฝึกกระโดดหมุนตัว
ไม่เพียงแต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ฝึกท่าพื้นฐานอย่างตั้งใจ แม้แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็ฝึกอย่างตั้งใจเช่นกัน
หลี่หนานเทียนบอกว่า อายุมากก็ฝึกกำลังภายในได้เหมือนกัน เพียงแต่ต้องใช้เวลามากอีกสักหน่อยเพื่อทำความเข้าใจด้วยตนเอง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินแล้ว ก็ตัดสินใจพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่มาฝึกกับหลี่หนานเทียน ฝึกปีหนึ่งไม่ได้ก็สองปี สองปีไม่ได้ก็สามปี เขาเชื่อว่าขอเพียงตนเองมุ่งมั่น ช้าเร็วสักวันหนึ่งก็ต้องฝึกได้ ตอนนั้นเขาก็จะได้ปกป้องเจียวเจียวได้
เพราะความคิดนี้ทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่กลัวความลำบากแม้สักนิด
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มีเขามาเป็นผู้นำก็ยิ่งยอมฝึกวิชายุทธ์กันอย่างตั้งใจ
ก่อนหน้านี้ลู่เจียวบอกเล่าข้อดีของการฝึกยุทธ์กับพวกเขา ต้าเป่า ซานเป่ากับซื่อเป่าแรกสุดก็ไม่ได้คิดสนใจ ตอนนี้กลับฝึกด้วยความพยายามตั้งใจ ยังมีเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นแบบอย่าง
พ่อลูกห้าคนฝึกกันอย่างอดทนและพยายามกันมากเป็นพิเศษ
หลี่หนานเทียนเห็นแล้วก็รู้สึกชื่นชม บิดาเป็นแบบอย่างก็ยิ่งได้ผลดี
ในลานฝึก พ่อลูกห้าคนเริ่มฝึกท่ากระโดดหมุนตัว
ท่ากระโดดหมุนตัวก็คือท่าพื้นฐานของการฝึกยุทธ์ เป็นท่าที่ฝึกความอดทนมากที่สุด
พ่อลูกห้าคนต่างไม่เกรงกลัวความลำบาก ทุกคนกัดฟันอดทนฝึก
ริมลานฝึก หลี่เหวินปินมองดูพ่อลูกห้าคนบนสนามแล้วก็แทบกะอักความอัดอั้นตันใจออกมา
พ่อลูกห้าคนราวกับส่องประกายแสงแทงนัยน์ตาเขา เขานึกภาพออกว่า เจ้าสี่หนูน้อยตระกูลเซี่ยนี่ย่อมไม่แพ้บิดาพวกเขา ถึงตอนนั้นตระกูลเซี่ยจะยิ่งโดดเด่นส่องประกายเพียงใดกัน
คิดถึงภาพเช่นนั้นแล้ว ในใจหลี่เหวินปินก็มีแต่ความเกลียดชัดเกาะกินกระดูก
เขาแต่งเข้าตระกูลจาง เดิมคิดจะอาศัยตระกูลจางเป็นดังบันไดก้าวขึ้นไปเหนือผู้คน คิดไม่ถึงว่าตนเองแต่งเข้าตระกูลจางไม่ได้อะไรติดมือแม้แต่น้อย กลับยังไปวางอุบายเอาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้า ทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นฮึกเหิมจริงจังขึ้นมา
เขาไม่ยอม ไม่มีทางยอม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ฝึกกันได้ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าด้านหลังมีสายตาคนมองมาที่พวกเขา
พวกเขาหันไปมองด้วยสัญชาตญาณทันที ก็เห็นหลี่เหวินปินกำลังยืนมองพวกเขาด้วยสายตาอิจฉาริษยา
แววตานั้นราวกับอสรพิษมุ่งทำร้าย
แต่พอหลี่เหวินปินเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นมองมา ก็รีบเก็บสายตา ก้าวเข้าไปเอ่ยชมว่า “อวิ๋นจิ่น เจ้าหนูน้อยทั้งสี่บ้านเจ้านี่หน้าตาดีจริง”