ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 917 ช่วยคน
ตอนที่ 917 ช่วยคน
นางกำนัลอาวุโสมองฮองเฮา อดถอนหายใจไม่ได้ ครั้งนี้ฮองเฮาโวยวายจนเลยเถิดไปแล้ว ปกติมีเรื่องกันเล็กน้อย ฝ่าบาทก็ปลอบใจได้ ครั้งนี้เกินเลยไปมาก รัชทายาทออกจากวังหลวงไปแม่น้ำเยว่ก็มิใช่ใต้เท้าเซี่ยกับฮูหยินโจวกั๋วเรียกไป แต่รัชทายาทอยากไปเอง ปรากฏกลับมาตำหนิใต้เท้าเซี่ยกับฮูหยินโจวกั๋ว ยังมามีเรื่องกับฝ่าบาทอีก
ตอนนี้รัชทายาทหายตัวไป ในพระทัยฝ่าบาทก็คงกำลังเสียพระทัยเช่นกัน แต่ท่านกลับหาเรื่องเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าทำลายความสัมพันธ์สามีภรรยาหรือ
“ฮองเฮา รัชทายาทยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ฝ่าบาทไม่มีทางไปตำหนักพวกพระสนมเนี่ยผินหรอกเพคะ”
แต่หวังเมิ่งเหยาไม่เชื่อ โมโหเร่งว่า “ข้าให้เจ้าสั่งคนไป เจ้าก็ไปสิ”
เดิมนางกำนัลอาวุโสหลี่เป็นหมัวมัวผู้ดูแลกองพระราชสำนัก แต่พอหวังเมิ่งเหยาขึ้นเป็นฮองเฮา เซียวเหวินอวี๋ก็ย้ายนางมาปรนนิบัติฮองเฮา สอนฮองเฮาเรื่องการจัดการวังหลัง นางอยู่ข้างกายฮองเฮามาหลายปี เห็นอุปนิสัยฮองเฮาอย่างชัดเจน
กล่าวตามตรง นางกำนัลอาวุโสหลี่รู้สึกว่าฮองเฮาไม่คู่ควรกับฮ่องเต้ ไม่นิ่งสุขุมและนับวันความคิดจะยิ่งเอนเอียงออกนอกลู่นอกทาง
นางกำนัลอาวุโสหลี่ตักเตือนแล้ว เห็นว่าฮองเฮาไม่ฟัง ก็ได้แต่ให้คนไปสืบว่าฮ่องเต้เสด็จไปที่ใด
แต่หวังเมิ่งเหยาไม่รู้ว่านางกำนัลอาวุโสหลี่แอบส่งคนไปรายงานฝ่าบาทเช่นกัน
นางเพียงแค่ต้องการแสดงความภักดีต่อฝ่าบาท แสดงว่านางเป็นคนของฝ่าบาท
เซียวเหวินอวี๋ได้ข่าวอย่างรวดเร็ว เขามองโจวโย่วจิ่น หัวเราะเยาะกล่าวว่า “เจ้าว่าหลายปีมานี้เราเลี้ยงสุนัขไว้ตัวหนึ่งหรือไม่ เลี้ยงสุนัขยังดีกว่าเลี้ยงนาง รัชทายาทเกิดเรื่อง เราร้อนใจดังไฟแผดเผา นางดีเลย ถึงกับสงสัยว่าเราจะไปตำหนักพระสนม ไม่คู่ควรเป็นฮองเฮาจริงๆ”
เซียวเหวินอวี๋โมโหจนปาแจกันแตกไปหนึ่งใบ
โจวโย่วจิ่นรีบเข้ามาทูลเตือน “ฝ่าบาท ฮองเฮาเป็นห่วงรัชทายาท จึงได้โมโหร้อนใจจนเป็นเช่นนี้ อย่าได้ทรงกริ้วไปพ่ะย่ะค่ะ จะทำลายสุขภาพ หากใต้เท้าเซี่ยกับฮูหยินโจวกั๋วรู้ ย่อมต้องปวดใจเป็นแน่”
เซียวเหวินอวี๋คิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ขึ้นมาทันที เขารู้ว่าหากท่านพ่อกับท่านแม่รู้ ย่อมต้องปวดใจมาก ตอนนี้รัชทายาททำให้พวกเขาเป็นห่วงมากพอแล้ว ตนเองไม่อาจทำให้พวกเขาเป็นห่วงอีก
“เอาละ พักผ่อนเถอะ”
สองวันต่อมา เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็พบความผิดปกติของบ้านหนึ่งในแถบตะวันออกของเมือง
บ้านนี้ไม่มีผู้หญิง แต่มีผู้ชายสามคนอายุไล่เลี่ยกัน ประเด็นสำคัญก็คือหน้าตาไม่เหมือนกัน พวกเขาทำให้เขารู้สึกได้ว่าไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา แต่เหมือนชาวยุทธภพ
มิผิด ก็คือกลิ่นอายแบบชาวยุทธภพที่องค์หญิงเซียวเยว่บอก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที เขานำคนเข้าไปใกล้บ้านนี้ พบว่าบ้านนี้ไม่มีคนออกมา มีสองคนออกไปซื้ออาหารบ้าง แต่ล้วนเป็นอาหารปรุงสำเร็จ แต่ไรมาไม่ทำครัว
นี่คือปัญหาใหญ่มาก ชาวบ้านทั่วไปจะยากจน ทุกคนต้องออกไปทำมาหากิน และประหยัดกินประหยัดใช้ หากมีเงินซื้ออาหารกลับมารับประทาน ไยต้องมาอยู่ในเมืองแถบตะวันออกนี้ด้วย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นซุ่มสังเกตอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน ก็พบว่าบ้านนี้มีปัญหา ไม่แน่ว่ารัชทายาทอาจถูกซ่อนอยู่ที่นี่
“ข้าตัดสินใจว่าจะลอบเข้าไปสืบ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้น โจวเส้ากง ถงอี้กับหร่วนไคก็พากันห้าม “ใต้เท้า ท่านอย่าเข้าไป ให้พวกเราเข้าไปเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับห้ามพวกเขา “ไม่ได้ ตอนนี้รัชทายาทเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้ พวกเจ้าเข้าไป อาจแหวกหญ้าให้งูตื่น หากให้พวกเขารู้ว่าพวกเราพบว่าพวกเขาจับตัวรัชทายาทมา พวกเขาต้องสังหารรัชทายาทเป็นแน่”
หากว่ากันตามวิทยายุทธ์ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเชื่อใจโจวเส้ากงกับถงอี้และหร่วนไค แต่ว่ากันตามอุบาย พวกเขาสู้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้
แม้ว่าโจวเส้ากง ถงอี้และหร่วนไคเห็นด้วยกับคำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่ก็ไม่กล้าให้เขาไปเสี่ยง
หากใต้เท้าเกิดเรื่อง ฮูหยินต้องเสียใจมาก ยังมีบรรดาคุณชายและฝ่าบาท
“ใต้เท้า ท่านอย่าได้ไปเสี่ยงเลย พวกเราไปรายงานต่อฝ่าบาท ให้ฝ่าบาทตัดสินพระทัยดีกว่า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่อยากให้เซียวเหวินอวี๋มายุ่งกับเรื่องนี้ หากเซียวเหวินอวี๋มายุ่งเรื่องนี้ ย่อมต้องส่งคนเข้าไป เขาไม่เชื่อใจผู้ใด หากคนพวกนั้นพลาด ก็จะทำให้รัชทายาทถึงแก่ชีวิตได้
เด็กนั่นเป็นเด็กที่เขาทุ่มเทอบรมมา เขาไม่อยากให้เกิดเรื่อง
“ไม่ได้ ข้าตัดสินใจแล้ว พวกเจ้าอย่าได้ห้ามอีก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบมองไปยังโจวเส้ากง กล่าวว่า “ท่านอาโจว ท่านไปสืบรอบๆ หน่อยว่าละแวกนี้มีอันธพาลไม่ทำงานทำการหรือไม่ พวกที่ชอบเล่นพนันเที่ยวซ่อง อายุไล่เลี่ยกับข้า หากมีก็ไปสืบว่าเขาชื่อแซ่อันใด ปกติอยู่ที่ใด ชอบสวมเสื้อผ้าแบบใด”
โจวเส้ากงพอได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็รู้ว่าใต้เท้าวางแผนปลอมตัวเข้าไป
“ใต้เท้าคิดอาศัยชื่อคนผู้นั้นปลอมตัวเข้าไปหรือ”
“ข้าปลอมตัวเป็นคนผู้นั้นเข้าไปขโมยของ พวกเจ้าวางใจ ข้าจะระมัดระวัง ข้าเข้าไป นอกจากอารักขารัชทายาท ยังสืบสถานะคนพวกนั้นให้กระจ่าง อีกอย่าง เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกฮูหยินในตอนนี้”
พวกโจวเส้ากงรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญมาก ได้แต่ทำตามคำสั่งเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ไม่นานโจวเส้ากงก็สืบชื่ออันธพาลชอบขโมยของมาได้สองสามรายชื่อ ปกติชาวบ้านโดนพวกเขารังแกกันตลอด ในบรรดาคนเหล่านี้มีคนหนึ่งชื่อว่าโจวอวี้ อายุยี่สิบได้ แม้ว่าอายุน้อย แต่เพราะเอาแต่เล่นพนันเที่ยวซ่อง จึงดูคล้ายอายุสามสิบกว่า เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงได้ปลอมตัวเป็นคนผู้นี้
เพียงแต่ใต้เท้าดูแล้วไม่เหมือนพวกอันธพาลเล่นพนันเที่ยวซ่อง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสั่งการลูกน้องทันที “ไปขโมยเสื้อผ้าคนละแวกนี้มาสองสามชุด เอาน้ำมันมาด้วย อย่าลืมทิ้งเงินไว้ด้วย”
“ขอรับ ใต้เท้า”
ขโมยเสื้อผ้า พวกเขาเข้าใจได้ แต่ขโมยน้ำมัน พวกเขาไม่เข้าใจ
แต่พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นใช้น้ำมันชโลมผม ผมก็มันเยิ้มไปหมด ลูกน้องพลันเข้าใจความคิดใต้เท้า อย่าว่าแต่เสื้อผ้าปุปะบนตัวใต้เท้า ยังมีผมเผ้ามันเยิ้มไปด้วยน้ำมัน บนหน้าก็ทาด้วยยาผงสีเหลืองๆ มองแล้วก็ไม่เหมือนคนดีทั่วไป เพียงแต่ร่างสูงไปสักหน่อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังโจวเส้ากง ก็รีบยืนเอียงโงนเงน ท่ายืนยามนี้ยิ่งเหมือน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นจัดการตนเองเสร็จ ก็มองไปยังลูกน้องด้านหลัง กล่าวว่า “เอาละ ดำเนินการคืนนี้”
หลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ “ใต้เท้า ไม่รายงานเรื่องนี้ต่อฮูหยินกับฝ่าบาทจริงหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันกลับมาส่งสายตาจ้องเตือนพวกโจวเส้ากงทีหนึ่ง “ทำตามข้าบอก”
ลูกน้องหลายคนลังเลแล้วก็รับปาก “ขอรับ”
ดึกดื่นเที่ยงคืน ท้องฟ้ามืดมิดไร้ดวงดาว ถงอี้พาเซี่ยอวิ๋นจิ่นลอบเข้าไปในทางตะวันตกของบ้านนั้น พวกเขารู้ว่าคนบ้านนั้นไม่ใช่มีเพียงไม่กี่คนที่พวกเขาเห็นในบ้าน รอบๆ พวกเขายังมีคนซุ่มอยู่ไม่น้อย ดังนั้นพอเซี่ยอวิ๋นจิ่นปรากฏตัว ก็จะถูกจับ พวกเขาเตรียมพร้อมแล้ว
ถงอี้วิชาตัวเบาร้ายกาจมาก ส่งเซี่ยอวิ๋นจิ่นขึ้นไปบนกำแพงไป ตนเองก็กระโดดลงจากกำแพงกลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หาโอกาสลอบหนีไปทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นค่อยๆ ปีนข้ามกำแพง จากนั้นก็แอบลักลอบเข้าไปด้านใน
ความจริงเขาข้ามกำแพงมาก็มีคนพบเข้าแล้ว แต่คนในที่ลับไม่ขยับ คิดอยากดูว่าเขาคิดทำอันใด และเป็นผู้ใด
แต่ดูท่ามาคนเดียว มองไปทางซ้ายทีขวาที คล้ายโจรกระจอกมาขโมยของ ลูกน้องที่ดักซุ่มอยู่รีบส่งสัญญาณ
ด้านในไฟจุดสว่างพรึบขึ้นทันที มีคนพุ่งออกมาด้านนอกจับตัวเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ผู้ใดกัน”