ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 918 เสี่ยงภัย
ตอนที่ 918 เสี่ยงภัย
สองคนในชุดเสื้อผ้าเก่าขาดพุ่งออกมาขวางทางเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกใจ จากนั้นก็ลูบศีรษะทำหน้าทำตาไม่ยี่หระ กล่าวว่า “ข้า ข้าเข้าผิดบ้าน น่าจะเพราะดื่มมากไป”
เขากล่าวจบก็โซเซหันหลังคิดหนี สองคนด้านหลังสบตากันทีหนึ่งแล้วก็พุ่งมาคว้าเขาไว้ “หยุดนะ เจ้าเป็นใคร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้า สีหน้าไม่อยากจะเอ่ย ชายหนุ่มหนึ่งในนั้นพลันชักกระบี่อ่อนที่เอวออกมา สะบัดมือจี้ไปที่ลำคอของเซี่ยอวิ๋นจิ่น เขารับรู้ได้ถึงไอเย็นเยียบของกระบี่ได้ทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล้าบุกเข้ามาคนเดียว เพราะที่ตัวมียาที่ลู่เจียวปรุงไว้ให้ไม่น้อย ในนั้นมียาหนึ่งที่ทำให้เส้นเอ็นอ่อน ขอเพียงเขาสาดออกไป ทั้งสองคนก็ไม่มีทางใช้กำลังภายในได้ เขาก็จะหนีไปได้
แต่หากไม่ถึงยามจำเป็น เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่คิดใช้ยาเส้นเอ็นอ่อนนี้ ที่เขาบุกเข้ามาคนเดียวก็เพื่อดูว่ารัชทายาทอยู่ในมือคนเหล่านี้หรือไม่ จากนั้นก็จะหาทางช่วยรัชทายาทออกไป และจัดการจับตัวคนบงการเบื้องหลังคนเหล่านี้
ดังนั้นต่อหน้าคนที่ถือกระบี่จี้ลำคอเขา เขาจึงไม่ได้สาดผงเส้นเอ็นอ่อนออกไป แต่กลับทำสีหน้าหวาดกลัวผงะถอยหลัง ถอยไปก็เอ่ยติดอ่างไปว่า “เจ้า พวกเจ้าทำอันใด ข้าก็แค่เข้าผิดบ้านเท่านั้น”
เขากล่าวจบ พลันเห็นอีกฝ่ายถือกระบี่ นิ้วก้อยดูผิดปกติ เหมือนสั้นไปสักข้อหนึ่ง เซี่ยอวิ๋นจิ่นนึกถึงคำพูดเซียวเยว่ขึ้นมาได้ทันที คนที่มาขอให้นางร่วมมือด้วย มีลักษณะเด่นเช่นนี้ เขาพลันรู้แล้วว่ารัชทายาทอยู่ในมือคนผู้นี้
ดีมาก เยี่ยมจริงๆ
แต่แม้เป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่กล้าลงมือพลการ กลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายโมโหสังหารรัชทายาท
ชายหนุ่มตรงหน้าทนไม่ไหวตวาดว่า “ว่ามา เจ้าเป็นใคร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบกล่าวว่า “ข้าเป็นเพื่อนบ้านชื่อโจวอวี้ ข้าเดินผิดทาง ข้าจะไปละๆ”
เขากล่าวจบก็หันหลังคิดจากไป คนด้านหลังตวาดเยียบเย็นว่า “หยุดนะ ยังกล้าเดินอีกจะฟันเจ้าทิ้ง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นชะงักกึกทันที มองคนเหล่านี้ด้วยสีหน้าซีดเผือด
ชายหนุ่มตรงหน้าออกคำสั่งคนชุดดำคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงดุดัน “ไปสืบดูว่าละแวกนี้มีคนชื่อโจวอวี้หรือไม่”
เขามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นตรงหน้าทีหนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบกว่า หน้าตาก็ไม่เลวนี่”
ลูกน้องออกไปได้ครู่หนึ่งก็กลับมารายงาน “รอบๆ มีคนเช่นนี้อยู่จริง ได้ยินว่าเป็นผีพนันไม่ยอมศึกษาหาความรู้ เอาแต่กินเที่ยวการงานไม่ทำ และยังชอบลักขโมย”
ชายหนุ่มตรงหน้ามองประเมินเซี่ยอวิ๋นจิ่นทีหนึ่ง ผมเผ้ามันเยิ้ม เสื้อผ้าปุปะมอมแมม ยังยืนท่าทางเบี้ยวไปมา นี่มันสวะชัดๆ
ลูกน้องรีบกล่าวว่า “นายท่านจะสังหารเขาไหม”
ชายหนุ่มเอ่ยว่า “สวะ สังหารทิ้ง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบกล่าวว่า “ข้ามีประโยชน์ ข้าช่วยพวกท่านทำงานวิ่งไปมาซื้อของได้ พวกท่านให้ข้าทำอันใดก็ได้ ใช่แล้ว ข้ายังมาเป็นพวกของพวกท่านได้ด้วยนะ”
จากนั้นเขาก็ส่งสายตาปริบๆ มองคนตรงหน้า “พวกท่านเป็นใครกัน ดูแล้วร้ายกาจมาก”
มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเลื่อมใสยิ่ง
ชายหนุ่มตรงหน้าเห็นเขามองมาด้วยสายตาเลื่อมใส ความดุดันในใจก็ลดลงไม่น้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น ลูกน้องข้างกายรีบกล่าวว่า “นายท่านจะให้เขาช่วยพวกเราออกไปซื้อของอันใดหรือ”
เห็นได้ชัดชายหนุ่มฉลาดกว่าลูกน้อง ตวาดเยียบเย็นว่า “เขาออกไปแล้วยังจะกลับมาอีกหรือ สมองเจ้ามีปัญหาหรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้นอีกว่า “ข้าไม่ไป ข้าช่วยพวกท่านทำงาน ช่วยพวกท่านปัดกวาด ยังช่วยพวกท่านหุงหาอาหารได้ด้วย”
วาจานี้โดนใจอีกฝ่ายพอดี
ตอนนี้พวกเขาที่นี่มีกันทั้งหมดสี่คน แต่สี่คนล้วนทำงานบ้านปัดกวาดไม่เป็น ตอนนี้ไม่อาจออกนอกเมืองได้ สถานที่ก็สกปรกรกรุงรัง จำเป็นต้องมีคนมาจัดการเรื่องพวกนี้จริงๆ คนผู้นี้ถือว่านำมาใช้งานได้พอดี
ชายหนุ่มครุ่นคิด แล้วก็ควักเอาขวดยาออกมา เทยาเม็ดหนึ่งส่งให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น “กินลงไป”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นผงะถอยหลังทันที “นี่คืออันใด”
“ยาพิษ ทุกห้าวันข้าจะให้ยาถอนพิษหนึ่งเม็ด หากไม่กินยาถอนพิษ เจ้าก็จะตาย แต่หากเจ้าไม่กิน ก็ต้องตายตอนนี้”
ชายหนุ่มตรงหน้าหน้าตาไม่เลว แต่ที่คางมีรอยแผลเป็นลึก ดูแล้วน่ากลัวมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าไม่ยินยอม แต่กลับได้แต่ยื่นมือไปรับยาพิษมาอย่างกลัวๆ กล้าๆ ชักช้าอืดอาดอย่างมาก อีกฝ่ายทนรอไม่ไหว ตวาดว่า “รีบกินยาลงไป หากชักช้าจะสังหารเจ้าทิ้ง”
“ขอรับๆ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นตกใจสะดุ้ง รีบยื่นมือไปรับยามา แต่พอรับมาก็ลังเลไม่กล้ากลืนลงไป เป็นนานก่อนจะเงยหน้าถามว่า “ยานี้คงไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิตในระยะเวลาอันสั้นกระมัง นายท่าน พวกเราไม่ได้มีความแค้นต่อกันพวกท่านอย่าได้ทำร้ายข้านะ”
ชายหนุ่มทนเขาไม่ไหวแล้ว ยกมือขึ้นยัดยาในมือใส่ปากเขาทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันตกใจ “ข้า ข้าถูกพิษแล้วๆ”
พูดไปก็กระโดดไปมา
ชายหนุ่มโมโหตวาดว่า “หุบปาก หากยังส่งเสียงอีกจะสังหารเจ้าทิ้ง”
วาจานี้อุดปากเซี่ยอวิ๋นจิ่นไว้ได้พอดี ชายหนุ่มทนรับมือกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ไหว รีบก้าวหนีไปในห้องกลางของสามห้อง ก่อนไปทิ้งวาจาไว้ว่า “เฮ่อซาน พาเขาไปทำงาน บอกเขาว่าห้ามเขาเข้าใกล้ห้องกลาง”
“ขอรับ นายท่าน”
คนที่ชื่อเฮ่อซานเป็นชายวัยสามสิบกว่าปากแหลมแก้มตอบ ยามเผชิญหน้ากับชายหนุ่มเมื่อครู่ได้แต่ ก้มหน้าก้มตัวต่ออีกฝ่าย แต่พออีกฝ่ายไปแล้วก็เชิดหน้ายืดตัวตรง วางท่าทางอวดเบ่งเอ่ยว่า “ตามข้ามา จำคำนายท่านไว้แล้วหรือยัง ห้ามเจ้าเข้าใกล้ห้องกลาง เจ้ารับหน้าที่ดูแลปัดกวาดห้องครัวและในลานนี้ แล้วก็ซักเสื้อผ้า ใช่แล้ว เจ้าทำอาหารเป็นหรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นทำอาหารเป็น หลายปีมานี้เขาอยู่กับลู่เจียว ยามว่างก็ช่วยลู่เจียวทำงาน เรียนรู้การทำอาหารมาบ้าง รีบรับปากทันที “ทำเป็น”
“ทำเป็นก็ดี”
เฮ่อซานพาเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปวนในบ้านรอบหนึ่ง บอกเขาว่าทุกวันต้องทำอันใด จากนั้นก็เขาก็ไม่สนใจเซี่ยอวิ๋นจิ่น กลับไปนอนต่อ
คนผู้นี้คิดว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกินยาพิษไปแล้วย่อมไม่กล้าหนี
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรอคนไปแล้วจึงได้ถอนหายใจโล่งอก เล่นละครมานานเพียงนี้ เหนื่อยกว่าเผชิญหน้ากับบรรดาขุนนางในราชสำนักเสียอีก
แต่สุดท้ายก็ได้อยู่ต่อ และเขาเดาว่าหากไม่เหนือความคาดหมาย รัชทายาทอยู่ในสามห้องนี้ เพียงแต่ตอนนี้เขาเข้าไปใกล้ไม่ได้ ควรทำอย่างไรดี
ดูท่าในระยะเวลาอันสั้นนี้ คิดว่าคงไม่อาจเข้าใกล้รัชทายาทได้
เอาเถอะ รอไปก่อน ค่อยหาจังหวะก็แล้วกัน
พวกโจวเส้ากงที่ดักซุ่มอยู่ด้านนอกเป็นห่วงอย่างมาก
ถงอี้กับหร่วนไคมองไปยังโจวเส้ากง เอ่ยอย่างเป็นห่วง “ท่านอาโจว ตอนนี้ทำอย่างไรดี”