อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] - ตอนที่ 592 เงินส่วนตัวของหนานหนาน
ตอนที่ 592 เงินส่วนตัวของหนานหนาน
ตอนที่ 592 เงินส่วนตัวของหนานหนาน
หนานหนานพลิกจี้ทองคำในมือของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครู่หนึ่งก็พูดอย่างเฉยเมย
“ข้ากำลังคิดไม่ตก”
เย่หลานเฉิงสงสัย “กำลังคิดไม่ตกเรื่องอันใด?”
“ข้าคิดไม่ตกว่าข้าควรจะขายจี้ทองคำนี้ดีหรือไม่” หนานหนานหยิบพุทรากวนเข้าปาก ก่อนจะเคี้ยวสองสามครั้งแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ หว่านเฟยไม่ใช่คนดีไม่ใช่หรือ นางทำร้ายไปคนมากมาย และข้าไม่อยากเก็บของของนางเอาไว้ แต่นางเป็นแม่ของท่านอาแปด ฉะนั้นหากข้าขายสิ่งนี้ เจ้าไม่คิดหรือว่ามันไม่ดี?”
เย่หลานเฉิงเงียบไป สิ่งเดียวที่จะทำให้หนานหนานจริงจังและเคร่งขรึมได้ก็คือเงิน
“หนานหนาน เจ้ากำลังเงินขาดมือหรือ?”
หนานหนานชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วหันกลับมามองเขา จากนั้นก็ครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ก่อนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “อืม ขาดไปมาก”
“เช่นนั้นข้าจะให้เงินเจ้า ข้ายังพอมีเงินอยู่บ้าง” เย่หลานเฉิงรู้ว่าเงินของหนานหนานถูกท่านน้าชิงยึดไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงอาจเหลือเงินอยู่ไม่มากนัก ตนเป็นทั้งญาติและเพื่อนที่ดีของหนานหนาน ดังนั้นก็ควรจะช่วยเหลือเขาบ้าง
ดวงตาของหนานหนานเป็นประกายทันที และเกือบจะน้ำลายไหลออกมาทันที เสี่ยวเฉิงเฉิงต้องการให้เงินเขาหรือ? เขากลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก ก่อนจะพยายามควบคุมความตื่นเต้นอย่างเต็มที่ แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้ามีเงินเท่าไร?”
“ค่อนข้างมาก แม้ตอนนี้ข้าจะไม่ต้องการเงินมากนัก เพราะอาศัยอยู่ในตำหนักอ๋องซิว ท่านอาห้าก็ยังสั่งให้พ่อบ้านหยางมอบเงินให้ข้าสองร้อยตำลึง แต่ข้ารู้สึกเกรงใจมาก ดังนั้นจึงรับไว้เพียงห้าสิบตำลึง ครั้งสุดท้ายที่ข้าไปหาเสด็จแม่ ข้าควักเงินห้าตำลึงไปซื้อปิ่นปักผมให้เสด็จแม่ สี่สิบห้าตำลึงที่เหลือยังอยู่ที่ข้าทั้งหมด และข้าจะมอบให้เจ้าทั้งหมด”
เมื่อก่อนเย่หลานเฉิงไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องจำนวนเงินเลย เขาคิดเพียงว่าทุก ๆ รางวัลที่ไทเฮาฮองเฮาประทานให้องค์ชายและองค์หญิงนั้นล้วนเป็นของมีค่าทั้งสิ้น
แต่เมื่อผ่านช่วงเวลายากลำบากเหล่านั้น เขาก็ตระหนักได้ถึงค่าของเงิน ว่าเงินหนึ่งตำลึงสามารถซื้ออะไรได้บ้าง และเงินหนึ่งตำลึงจะทำอะไรได้กี่อย่าง
“หนานหนาน เงินสี่สิบห้าตำลึงสามารถซื้อปิ่นปักผมได้หลายอัน และยังซื้ออาหารได้มากมาย กระทั่งจะไปกินอาหารที่หอหลินสุ่ยก็ไม่มีปัญหา ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเงินหรอก… ไม่ต้องกังวลว่าจะนำออกไปขายหรือไม่แล้ว”
“…” มุมปากของหนานหนานกระตุก เขาหันหลังไปเงียบ ๆ แล้ววางศีรษะลงบนโต๊ะโดยไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
เย่หลานเฉิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบเก้าอี้ย้ายไปอีกด้านของเขา แล้วพูดเบา ๆ ว่า “เจ้าอย่ากังวลไปเลย ข้าจะไม่เอาเงินคืนเงินหลังจากที่มอบให้เจ้าไปแล้ว เจ้าสามารถใช้มันได้ตามต้องการ และข้าก็จะไม่บอกท่านน้าชิงด้วย”
หนานหนานอารมณ์เสียมาก เขาผุดเงยหน้าขึ้น แล้วหันหน้าหนี แล้วนอนซบโต๊ะต่อไป
เย่หลานเฉิงรู้สึกสับสน เขาย้ายเก้าอี้ไปหาเขาอีกครั้ง “หนานหนาน เจ้าเป็นอะไรไป? เจ้าอายหรือ? ที่จริงมันไม่สำคัญ อันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก ก็แค่เงินนี้ท่านอาห้ามอบให้ข้าไว้ เจ้าไม่มีเงิน เจ้าก็แค่รับไป”
หนานหนานลุกขึ้นยืนทันที ก่อนเดินช้าๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้ว เปิดประตูตู้เสื้อผ้าทั้งสองบานออก จากนั้นก็ยื่นศีรษะเข้าไปข้างใน บั้นท้ายขยับส่ายไปมา
เย่หลานเฉิงขมวดคิ้ว “หนานหนาน เจ้ากำลังทำอะไร?”
หนานหนานไม่สนใจเขา หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ส่งเสียงอุทานออกมา จากนั้นเงยหน้าขึ้นจากตู้ แล้วถอยหลังสองสามก้าวไปที่โต๊ะ
เย่หลานเฉิงรีบยื่นมือออกไปช่วยเขา และพบว่ามีหนังสือเล่มเล็กอยู่ในมือของเขา
หนานหนานยื่นหนังสือเล่มเล็กให้เขา “เอ้า ในนี้คือเงินส่วนตัวของข้า”
“… เงินส่วนตัวหรือ?” เย่หลานเฉิงรับมันด้วยความงุนงง แล้วพลิกอ่านสองสามหน้า
แล้วมุมปากของเขาก็เริ่มกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็อ้าปากค้างและเงยหน้าขึ้นจ้องเขา “เจ้ามีเงินหนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยตำลึง แต่ แต่กลับบอกว่าขาดเงินอีก?”
ท่านน้าชิงริบเงินของหนานหนานไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ? เขาจะออมเงินได้มากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
เย่หลานเฉิงหยิบเงินสี่สิบห้าตำลึงของเขาออกมาเงียบ ๆ และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเอง… ยากจนมาก
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็เก็บเงินสี่สิบห้าตำลึงที่น่าสงสารเอาไว้ในแขนเสื้อ แล้วเดินไปข้างหนานหนานโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนส่งหนังสือเล่มเล็กให้เขา
หนานหนานรับมันมาด้วยความเบื่อหน่าย แล้วเริ่มพิจารณาจี้ทองคำอีกครั้ง
เย่หลานเฉิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “หนานหนาน เจ้ามีเงินมากมาย แล้วเงินขาดมือตรงไหนกัน? จี้ทองคำนี้จะกลายเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเงินส่วนตัวของเจ้าเท่านั้นเองหากว่าเจ้าขายมัน”
ลูกพี่ลูกน้องของเขาหาเงินเก่งเกินไป หากรวมกับเงินที่ท่านน้าชิงยึดไป มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเย่หลานเฉิงที่จะจินตนาการว่าจำนวนเงินของหนานหนานทั้งหมดมีมูลค่าเท่าใด คนธรรมดาอย่างเขาจะมีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไร?
หนานหนานชำเลืองมองเขา แล้วเริ่มถอนหายใจอีกครั้ง “เจ้าไม่เข้าใจ ข้าลองพิจารณาจี้ทองคำนี้แล้ว มันมีค่าอย่างน้อยสองร้อยตำลึง หากข้าขายมัน ข้าก็จะได้เงินอีกก้อนหนึ่งเพิ่มมาในบัญชีของข้า”
เย่หลานเฉิงสำลักและรู้สึกพูดไม่ออก
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาของหนานหนาน “หรือว่าข้าจะขายจี้ทองคำนี้ให้ท่านอาแปดดี?”
หนานหนานคิดว่าเป็นความคิดที่ดี เขาจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีก
ทว่า…
“ตอนนี้ดูเหมือนท่านอาแปดจะเป็นทุกข์มาก เขาคงเสียใจมากที่ได้ยินว่าเสด็จปู่สั่งประหารหว่านเฟยเหนียงเหนียง” แม้ว่าเขาจะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นอกเห็นใจหว่านเฟย แต่สุดท้ายหว่านเฟยก็เป็นคนไม่ดีที่ทำร้ายพ่อแม่ของเขา เขาจึงเข้าใจแล้ว
ช่างเถิด เขาควรเก็บจี้ทองคำเอาไว้ก่อนดีกว่า เพราะสุดท้ายมันก็เป็นสมบัติของท่านแม่ของอาแปด หลังจากที่ท่านอาแปดไม่รู้สึกเศร้าอีกต่อไปแล้ว เขาจะคืนให้ท่านอาแปดโดยไม่คิดเงินสักตำลึง
หนานหนานตัดสินใจแล้ว และในที่สุดเรื่องที่เขาหนักใจมานานก็คลี่คลายลง เขาจึงลุกขึ้นไปเก็บจี้ทองคำ
คาดไม่ถึงว่าเมื่อเขาหันกลับมา เขาจะพบว่าเย่หลานเฉิงกำลังก้มหน้าลง และดูไม่สบอารมณ์
“เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?” เขาไม่เห็นด้วยกับการเก็บจี้ทองคำไว้หรือ? ดวงตาของหนานหนานเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก เป็นไปได้หรือไม่ว่าเสี่ยวเฉิงเฉิงก็เป็นคนหลงใหลในเงินทองด้วย?
เมื่อเย่หลานเฉิงได้ยินชื่อของเย่ฮ่าวหราน เขาก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “ท่านอาแปดยังคงถูกขังอยู่ในคุก ข้าได้ยินมาว่าเสด็จปู่จะสอบสวนท่านอาแปดพรุ่งนี้ และข้าไม่รู้ว่าท่านอาแปดจะ… เป็นอะไรหรือไม่”
หนานหนานชำเลืองมองเขา “ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวล ท่านอาแปดจะปลอดภัยแน่นอน มีพ่อของข้าอยู่ทั้งคน” เขายังคงเชื่อใจเย่ซิวตู๋อย่างสุดหัวใจ “ข้าเป็นห่วงท่านน้าจินของข้ามากกว่า แม้ไม่นานมานี้จู่ ๆ เสด็จปู่ก็ล้มเลิกแผนการจับกุมท่านน้าจินแล้ว แต่ข้าได้ยินมาว่าฮ่องเต้มักจะอารมณ์เสีย ใครจะไปรู้ว่าเสด็จปู่จะเริ่มมีอารมณ์แปรปรวนอีกเมื่อไร… อ๊ะ”
“หนานหนาน เราไม่อาจพูดถึงเสด็จปู่ในทางลบลับหลังได้” เย่หลานเฉิงรีบปิดปากของเขาไว้ด้วยความกังวล แล้วรีบมองไปรอบ ๆ
หนานหนานกะพริบตา แล้วปัดมือของเขาออก ก่อนจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “เจ้าพูดถูก ครั้งหน้าเราต้องไปคุยกันต่อหน้าเสด็จปู่”
“…” มุมปากของเย่หลานเฉิงกระตุกอย่างแรง และเขาก็หันหน้าหนี
คาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากหันหน้าไป เขาก็เห็นอวี้ชิงลั่วกำลังเดินเข้ามาจากนอกประตูอย่างรวดเร็ว
หนานหนานก็เห็นเช่นกัน เพียงแค่เหลือบมองจากหางตา เขาก็กระโดดขึ้นจากเก้าอี้ราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม
จบเห่แล้ว จบเห่แล้ว
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานเก็บเงินเก่งมาก แต่ก็น่าจะถูกแม่ริบหมดในเร็ว ๆ นี้แล้วล่ะ แม่คงยืนฟังอยู่ตรงนั้นนานแล้ว
ไหหม่า(海馬)