สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 945 เจ้าแห่งสงครามผู้คลั่งน้องชายอาละวาด (1)
บทที่ 945 เจ้าแห่งสงครามผู้คลั่งน้องชายอาละวาด (1)
……….
เซียวเหิงเอ่ยอย่างงุนงง “แต่เจ้ากล่องยาใบน้อยนี้มิใช่ของเจ้าหรอกหรือ เหตุใดถึงได้ปรากฏขึ้นบนเกาะอั้นเย่”
กู้เจียวส่ายหน้า “ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
นั่นเป็นปริศนา แม้แต่นางก็แก้ปมนี้ไม่ออก
ทั้งสองคนตั้งสินใจถามฉังจิ่ง
“กล่องนั่นของเจ้าเคยปรากฏขึ้นบนเกาะของพวกข้าหรือไม่อย่างนั้นหรือ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”
ในสวนดอกไม้ของจวนโหว ฉังจิ่งเอ่ยสีหน้ามึนงง หลังจากนั้นก็ถามเซียวเหิงด้วยคำถามเดียวกัน “แล้วของของเจ้าจะปรากฏบนเกาะของพวกข้าได้อย่างไร เจ้าเคยไปที่เกาะของพวกข้าหรือ”
หากกู้เจียวรู้เรื่องราวทั้งหมดคงไม่ต้องมาถามฉังจิ่งหรอก นางเอ่ยต่อ “เรื่องเกี่ยวกับเจ้าเกาะคนแรก เจ้าพอจะรู้บ้างไหม”
ฉังจิ่งตอบอย่างให้ความร่วมมือ “เดิมทีเกาะอั้นเย่เป็นเกาะรกร้างเกาะหนึ่ง หลังจากที่เขาขึ้นเกาะถึงได้สร้างสำนักขึ้นที่นั่น เลี้ยงดูชาวประมงละแวกนั้น ทั้งยังปลูกจื่อเฉ่า ข้ารู้เพียงเท่านี้ หากพวกเจ้าอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเจ้าเกาะคนแรก คงต้องถามพ่อข้า แม้แต่ท่านลุงหลียังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย”
“เขาเป็นชายหรือหญิง” เซียวเหิงพลันถามขึ้น
ฉังจิ่งตอบไปตามสัญชาตญาณ “ชายกระมัง”
เซียวเหิงเอ่ยเสียงจริงจัง “ชายกระมังหมายความว่าอย่างไร เจ้าแน่ใจหรือไม่”
ฉังจิ่งครุ่นคิด “ไม่มีใครเคยบอกข้านี่ แต่เจ้าเกาะก็เป็นผู้ชายกันหมดมิใช่หรือ มีสตรีเป็นเจ้าเกาะหรือ หากมีพี่สาวข้าก็สามารถเป็นเจ้าเกาะได้สิ เช่นนั้นแล้วข้าก็มิต้องสืบทอดสำนักอั้นเย่แล้ว”
ทั้งสองคนสบตากัน ความคิดของเด็กชายฉังจิ่งอยู่คนละคลื่นความถี่ของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
มิน่าละเขาถึงเข้ากันกับจิ้งคงได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย
เซียวเหิงเอ่ยกับกู้เจียว “ข้าจะไปสืบเรื่องพวกเขา เจ้าไม่ต้องกังวลไป”
“ได้”
กู้เจียวมิใช่คนใจเสาะ แม้ว่าคนของเจี้ยนหลูจะแทรกซึมตัวเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว แต่ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป
….
หลังจากมื้อเช้า กู้เจียวพาเสี่ยวจิ้งคงขึ้นรถม้าไปเที่ยวนอกเมืองด้วยกัน
เสี่ยวจิ้งคงแกว่งขาป้อมๆ ไปมาพลางเอ่ยเสียงเบา “เจียวเจียว พวกเราไม่ไปเที่ยวนอกเมืองกันแล้วได้หรือไม่”
“ทำไมหรือ” กู้เจียวถาม
เสี่ยวจิ้งคงหลบตาลงเอ่ย “วันนี้ข้าเหนื่อยนิดหน่อย”
กู้เจียวยกยิ้มมุมปาก “เจ้าไม่เหนื่อย”
เสี่ยวจิ้งคงอ้าปาก ขณะที่กำลังจะเอ่ยออกไปนั้น กู้เจียวก็เอ่ยขึ้น “ข้าเองก็มิได้อ่อนแอขนาดนั้น”
ก็แค่ตั้งครรภ์ นอกจากความอยากอาหารและการนอนที่เปลี่ยนแปลงไป ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง
ช่วงนี้เอาแต่ง่วนอยู่กับเรื่องของตัวเอง ละเลยเสี่ยวจิ้งคงไป เขาเติบโตขึ้นทุกวัน นางไม่อยากรู้สึกว่าวันหนึ่งพอหันหลังกลับไปแล้วพบว่าเขายืนหยัดด้วยตัวเองได้แล้ว แต่ตัวนางกลับพลาดช่วงเวลาที่เขาเติบโต
กู้เจียวหันไปมองเสี่ยวจิ้งคง เอ่ยเสียงจริงจัง “ข้าอยากไปเที่ยวนอกเมืองกับเจ้า เจ้ายินดีไปกับข้าไหม”
เสี่ยวจิ้งคงจ้องตากู้เจียว เขาสัมผัสได้ว่ากู้เจียวอยากไปจากใจจริง เขากระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันใด พยักหน้ารัวหงึกหงัก “ยินดี! ยินดี! ข้าชอบออกไปเที่ยวกับเจียวเจียวที่สุด!”
กู้เจียวถูกความไร้เดียวสาของเขาเล่นงานเข้าให้ คิดจินตนาการไปถึงลูกน้อย หากเขาเหมือนจิ่งคง นางคิดว่านางคงต้องชอบมากแน่นอน
นางลูบศีรษะน้อยของเขาพลางเอ่ย “เย็นนี้ข้าจะกินข้าวที่จวนกั๋วกง พรุ่งนี้จะไปเล่นไพ่ใบไม้เป็นเพื่อนท่านย่าที่ตรอกปี้สุ่ย”
เสี่ยวจิ้งคงชูสองแทนสองขาแสดงความเห็นด้วย “ตามใจเจียวเจียวเลย!”
…
ตรอกปี้สุ่ย
กู้เหยี่ยนยืนมองซ้ายมองขวาอยู่ที่หน้าประตู
กู้เสี่ยวเป่าเองก็เลียนแบบท่าทางของเขา
“ทำอะไร” เขาถามกู้เสี่ยวเป่า
“ท่านพี่ทำอะไร” กู้เสี่ยวเป่าถามกลับ
กู้เหยี่ยนขำกับน้ำเสียงผู้ใหญ่ของเขา “ข้ารอคน”
กู้เสี่ยวเป่า “ข้าก็รอคน”
กู้เหยี่ยน “ข้ารอเสี่ยวซุ่น”
“ข้าเองก็รอ… ข้าไม่ได้รอเสี่ยวซุ่น” กู้เสี่ยวเป่าทำมือทำไม้ ทั้งยังเรียกเสี่ยวซุ่นตามกู้เหยี่ยน
“เจ้าต้องเรียกเขาว่าพี่เสี่ยวซุ่น แล้วก็วันนี้พี่สาวไม่มา” กู้เหยี่ยนพูดแทงใจดำ
กู้เสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้น มองพี่ชายอย่างไม่พอใจนัก “นางมา”
ไม่นาน กู้เสี่ยวซุ่นก็กลับมา
กู้เหยี่ยนตาเป็นประกาย “เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่”
กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ยด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ “เรียบร้อยแล้ว”
“เอามาให้ข้าดู!” กู้เหยี่ยนยื่นมือออกไป
กู้เสี่ยวเป่ามองพี่ชายทั้งสองอย่างมึนงง ไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรอยู่
กู้เสี่ยวซุ่นยัดของสิ่งหนึ่งใส่อกกู้เหยี่ยนอย่างมีพิรุธ “ข้างทางมีขายเยอะแยะไป แต่เจ้าดึงดันจะวาดเองให้ได้ ไม่รู้ว่าจะถูกใจเจ้าหรือไม่ เงินไม่เหลือแล้ว ข้าหาช่างฝีมือที่เก่งที่สุดได้แล้ว”
กู้เหยี่ยนเอ่ย “ได้ เจ้าดูเสี่ยวเป่า ข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
“อืม” กู้เสี่ยวซุ่นอุ้มเจ้าเด็กน้อยเข้าเรือนไป
กู้เหยี่ยนขึ้นรถม้าไปยังค่ายทหาร
กู้ฉังชิงกำลังตรวจตราทหารฝึกซ้อม ทันใดนั้นองครักษ์คนหนึ่งก็เดินจ้ำเข้ามา กระซิบข้างหูเขาก่อนจะยกมือชี้ไปมา “เข้าใจแล้ว”
หลังจากนั้นก็เอ่ยกับเหล่าแม่ทัพที่กำลังดูทหารฝึกซ้อม “ขออภัย ข้าขอตัวสักครู่”
เหล่าแม่ทัพมองเขาอย่างประหลาด ส่งสายตาให้กัน นี่คือซ้อมใหญ่ในรอบสามเดือนเชียวนะ มีเรื่องใหญ่โตอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ แม่ทัพกู้ถึงได้ออกไปกลางคันเช่นนี้
แถมยังรีบร้อนเสียขนาดนั้น!
กู้ฉังชิงเดินจ้ำออกไปนอกค่าย ก่อนจะเห็นเงาร่างผอมโปร่งเดินวนไปมารอบรถม้า
“อาเหยี่ยน”
เขาเรียกอีกฝ่าย
กู้เหยี่ยนได้ยินก็ค่อยๆ หันกลับมา “ท่าน ท่านออกมาได้อย่างไร”
กู้ฉังชิงยิ้มบาง “มีคนบอกข้าว่าเจ้ามาหาข้า”
“ข้าเปล่าเสียหน่อย…” กู้เหยี่ยนตอบกลับโดยสัญชาตญาณ
แน่นอนว่าเขามาหาอีกฝ่าย แต่เขาไม่ได้บอกใครเสียหน่อย เขารู้ว่าในค่ายทหารยุ่งมาก เขาจึงไม่อยากรบกวนอีกฝ่าย จึงตั้งใจจะรอจนกว่าเขาเลิกงานแล้วค่อยเจอเขา
กู้ฉังชิงไม่บอกว่ากู้เหยี่ยนว่าองครักษ์คนสนิทของเขาจำอีกฝ่ายได้
กู้ฉังชิงคือมัจุราชหน้านิ่งแห่งค่ายทหาร ทว่าต่อหน้ากู้เหยี่ยนและกู้เจียวแล้วเขาคือพี่ชายที่คอยตามใจ
เขาเห็นกู้เหยี่ยนตากแดดจนแก้มแดง จึงรีบพาเขาไปยังกระโจมของตัวเอง
“ไปเอาน้ำแข็งมาหน่อย” เขาสั่งการองครักษ์
องครักษ์พลันตกใจ
ท่านไม่ใช้ของพวกนี้มิใช่หรือ
“ขอรับ”
องครักษ์มองท่านชายผู้สูงศักดิ์ เข้าใจในทันที ก่อนจะยกน้ำแข็งสองกะละมังใหญ่เข้ามา ก่อนจะวางขนาบสองข้างกู้เหยี่ยน
กู้เหยี่ยนสัมผัสได้ถึงไอเย็น
“เจ้าออกไปเถิด” กู้ฉังชิงสั่ง
“ขอรับ” องครักษ์ถอยออกไป
กู้ฉังชิงหยิบพัดบนโต๊ะขึ้นมา ก่อนจะพัดให้กู้เหยี่ยนเบาๆ
พัดตรงนี้ด้วย
ตรงนี้ด้วย
กู้ฉังชิงยิ้มอย่างเอ็นดู พร้อมทั้งเร่งความเร็วพัดเล็กน้อย “วันนี้ไม่ต้องไปโรงเรียนหรือ”
“วันนี้วันหยุด” กู้เหยี่ยนเอ่ย
กู้ฉังชิงเอ่ย “เหตุใดถึงได้มาหาข้าที่ค่ายทหาร”
“ข้า…” กู้เหยี่ยนลังเล ก่อนจะยื่นหน้ากากออกจากอกเสื้อแล้วยื่นให้กู้ฉังชิง
“นี่คือสิ่งใดรึ” กู้ฉังชิงใช้มือที่ไม่ได้โบกพัดรับหน้ากากมา พินิจมองไปพลางทั้งยังไม่ลืมที่จะโบกพัดให้กู้เหยี่ยนต่อ
กู้เหยี่ยนเอ่ย “ท่านมิได้หมั้นหมายแล้วหรอกหรือ ของขวัญงานหมั้นของท่านอย่างไรเล่า”
นั่นคือหน้ากากครึ่งหน้าที่ทำจากเงิน ตีขึ้นอย่างประณีตบรรจง ทั้งยังออกแบบอย่างตั้งใจ กู้ฉังชิงไม่เคยเห็นหน้ากากเช่นนี้ในท้องตลาดมาก่อน
เขาหันไปมองกู้เหยี่ยน “เจ้าจ้างคนทำโดยเฉพาะเลยหรือ”
“ใช่” กู้เหยี่ยนเกาหูแก้เก้อ ไม่อยากยอมรับสักเท่าไร
ดูท่าแล้วคงตั้งใจเป็นอย่างมาก กู้ฉังชิงหัวใจอ่อนยวบ “แล้วเหตุใดถึงให้หน้ากากข้า”
กู้เหยี่ยนยู้ปาก “ท่านมิใช่ยอดฝีมือของโรงประลองใต้ดินหรือ ได้ยินว่าคนที่นั่นสวมหน้ากากทั้งนั้น ถ้าท่าน… ท่านไม่ชอบ…”
“ข้าชอบมาก” กู้ฉังชิงยิ้มพลางเอ่ย “จากนี้หากข้าไปโรงประลองใต้ดิน ข้าจะสวมไว้ตลอด”
“แล้วก็จะพาเจ้าไปด้วย”
“แบบนี้แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าคนไหนคือข้า”
ดวงตาของกู้เหยี่ยนหลุกหลิก พยายามปกปิดความดีใจเอาไว้ พยักหน้าอย่างเย็นชา “ในเมื่อท่านดึงดันจะพาข้าไปให้ได้ เช่นนั้นก็ตามใจ”
กู้ฉังชิงยิ้มอ่อนโยน แววตาแสนเอ็นดู
ณ จวนเซวียนผิงโหว
วันนี้เซียวเหิงเข้าวังเพื่อรับแต่งตั้งตำแหน่งรองราชเลขา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเขาคือรองราชเลขาคนหนึ่งภายใต้บังคับบัญชาของฝ่าบาท
ยามเลิกประชุมราชสำนัก เหล่าขุนนางบู๊บุ๋นก็เข้ามารายล้อม พากันแสดงความยินดีกับเขา
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พอมาคิดดูดีแล้วก็รู้สึกว่าทุกอย่างลงตัวอย่างราบรื่น
อายุเพียงสิบสามก็ได้เป็นจี้จิ่วหนุ่มแห่งกั้วจื่อเจียน หากไม่เกิดเรื่องราวขึ้น เขาคงได้เป็นรองราชเลขาแห่งแคว้นเจาตั้งนานแล้ว
ความเยาว์วัยของท่านชายสูงศักดิ์ในตัวเขาลดลงไปมาก แต่ความหนักแน่นและสงบนิ่งนั้นมากขึ้น
หากจะบอกว่าจี้จิ่วหนุ่มผู้นี้ได้ตำแหน่งเพราะอาศัยชาติตระกูล แต่การได้เป็นบัณฑิตซานหยวน เดินขบวนแห่จอหงวน ได้รับแต่งตั้งเป็นรองราชเลขา ทั้งหมดเป็นผลจากความพยายามของเขาทั้งสิน
“ยินดีกับราชเลขาหยวนด้วย มีผู้สืบทอดเสียที” มีขุนนางคนหนึ่งเอ่ยแสดงความยินดีกับราชเลขาหยวน
ราชเลขาหยวนยิ้มพลางลูบเครา
ขุนนางอีกคนเอ่ย “ข้าว่าเรื่องมงคลมาเยือนราชเลขาหยวนถึงสองเรื่องเชียวล่ะ ได้ทั้งลูกศิษย์ที่ถูกใจ ทั้งยังใกล้มีจะหลานด้วย”
ราชเลขาหยวนยิ้มกว่ายิ่งกว่าเดิม
ใช่แล้ว สองเรื่องที่เขาเป็นกังวลมานานก็เข้าที่เข้าทางเสียที จากนี้เป่าหลินกับกู้ฉังชิงก็จะแต่งงานแล้ว เขาต้องไปถามฤกษ์งามยามดีกับตำหนักโหรเสียแล้ว