หมอพิษชั้นหนึ่ง - เล่มที่ 29 ตอนที่ 857 เจอเรื่องเหนือคาด
เล่มที่ 29 ตอนที่ 857 เจอเรื่องเหนือคาด
บทสนทนาทางด้านนี้ดึงดูดความสนใจของกู้สวิ๋นฟาง เขารีบดึงซูหลิงเอ๋อร์เข้ามาใกล้ “ทำไม มีเด็กในเมืองหลวงหายตัวไปหรือ?”
“อา คุณชาย…ชะ ใช่แล้ว มีเด็กชายหายไปสามคน เด็กหญิงสองคน กระทั่งตอนนี้ก็ยังหาไม่พบ” คนทั้งหลายเมื่อเห็นกู้สวิ๋นฟางก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วตอบกลับอย่างนอบน้อม ทว่าทุกคนกลับมองไปยังซูหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายเขาอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย คิดถึงเด็กที่หายตัวไปเหล่านั้น
“อืม หลิงเอ๋อร์ หลังจากออกไปต้องติดตามพี่ชายตลอด อย่าเข้าใกล้คนแปลกหน้า เข้าใจหรือไม่?” กู้สวิ๋นฟางมิได้ใส่ใจข่าวนี้มากนัก เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น จะจริงหรือเท็จก็ยังไม่ทราบ เขาไม่อาจขังซูหลิงเอ๋อร์ให้อยู่แต่ในบ้านเพียงเพราะข่าวลือเหล่านี้
หลังจากอาบน้ำเสร็จ กู้สวิ๋นฟางที่มิได้ออกจากบ้านมานานก็มายืนอยู่บนถนนอันคึกคักของเมืองหลวงแห่งแคว้นเหลียน
“ขนมกุ้ยฮวา ขนมกุ้ยฮวาอร่อยๆ” สองข้างทางของถนนมีเสียงตะโกนเรียกลูกค้าดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย
“หลิงเอ๋อร์ เจ้าชอบกินขนมกุ้ยฮวามิใช่หรือ?”
ซูหลิงเอ๋อร์กระพริบตากลมโตแวววาวด้วยท่าทีเบิกบานใจ พยักหน้าอย่างแรง
หม้อนึ่งข้างร้านมีควันร้อนโชยออกมา ขนมกุ้ยฮวาสีขาวนุ่มนิ่มทำให้ดรุณีน้อยอยากลิ้มลองจนไม่อาจละสายตา “อา คุณชายจะซื้อขนมกุ้ยฮขวาหรือ?”
“เอากล่องหนึ่ง”
“ได้ขอรับ!”
กู้สวิ๋นฟางหยิบเศษก้อนเงินออกมา สายตาหยุดอยู่บนป้ายร้านตีเหล็กที่อยู่ไม่ไกล
ร้านอันดับหนึ่งในใต้หล้า…ฮ่าๆ เป็นคำที่โอหังยิ่งนัก มองไปยังช่างตีเหล็กเปลือยแขนที่อยู่ด้านในอีกครั้ง ประกายไฟเต้นระริก เหงื่อไหลย้อยเต็มแผ่นหลัง ยังดูมีมาดอยู่หลายส่วนจริงๆ เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้ “ร้านอันดับหนึ่งในใต้หล้า?”
“คุณชายตาแหลมจริงๆ อาวุธที่ร้านของพวกเราตีออกมาแข็งแกร่งที่สุดแล้วขอรับ หากไม่เชื่อลองดูได้” อีกฝ่ายหยิบมีดแหลมคมส่องประกายมาให้เบื้องหน้ากู้สวิ๋นฟาง เขารับมาพิจารณา ทว่าบนใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มดูแคลน
“คุณชายอย่ารีบร้อน ด้านในยังมีของดีกว่านี้…”
อีกด้านหนึ่ง ซูหลิงเอ๋อร์มีเศษขนมกุ้ยฮวาติดอยู่ที่มุมปาก ยื่นมือออกมาจับเขา “พี่ชาย พี่ชายก็กินชิ้นหนึ่งเถิด…” คิดไม่ถึงว่าบุรุษข้างกายกลับก้มลงมองด้วยความสงสัย “น้องสาว เจ้าจำคนผิดแล้ว”
เอ๋? ซูหลิงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น ใบหน้าไม่คุ้นเคยสะท้อนสู่ม่านสายตา ไม่ทราบว่าข้างกายมีคนแปลกหน้ายืนอยู่ตั้งแต่ยามใด ส่วนพี่ชายของนางไม่ทราบว่าไปที่ใดแล้ว
“อา พี่ชายเล่า?” ซูหลิงเอ๋อร์ถือห่อขนมกุ้ยฮวามองไปรอบด้าน ในที่สุดก็เห็นบุรุษในอาภรณ์สีเขียวกำลังเดินอยู่ไม่ไกลจึงรีบชักเท้าเดินตามไป “พี่ชาย รอหลิงเอ๋อร์ด้วย…”
บุรุษในอาภรณ์สีเขียวเบื้องหน้ากลับไม่มีความคิดที่จะหยุดแม้แต่น้อย พริบตาเดียวก็เดินเลี้ยวเข้าไปในซอยหนึ่ง ดรุณีน้อยเดินตามเข้าไปโดยไม่คิดอะไรมาก กลุ่มคนรอบด้านเริ่มน้อยลง เมื่อเดินเข้าไปลึกกลับได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าของตน “พี่ชาย พี่ชายอยู่ที่ใด?”
ดรุณีน้อยหอบหายใจ ในที่สุดก็เห็นบุรุษผู้นั้นค่อยๆ หยุดฝีเท้าลงเบื้องหน้า นางวิ่งเข้าไปด้วยความยินดี คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันจับมืออีกฝ่าย บุรุษผู้นั้นก็หันมา ใบหน้าเจือไปด้วยรอยยิ้มหื่นกระหาย “น้องสาว เจ้าเรียกข้าหรือ?”
บุรุษผู้นี้มีรอยแผลเต็มใบหน้า นอกจากร่างกายและอาภรณ์ที่ดูเหมือนกู้สวิ๋นฟางแล้ว สิ่งอื่นแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซูหลิงเอ๋อร์ตกใจจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว บุรุษผู้นั้นยิ่งยิ้มอย่างกำเริบเสิบสาน
“น้องสาวตามข้ามาตลอดทาง อยากไปเล่นกับข้าใช่หรือไม่?” ในซอยไร้ซึ่งผู้คน ดวงตาของบุรุษผู้นั้นกรอกกลิ้งไปมา จากนั้นจึงยื่นมือเข้ามาใกล้ซูหลิงเอ๋อร์ช้าๆ ท่าทีเช่นนี้ทำให้ดรุณีน้อยรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก
“ท่าน ท่านเป็นใคร? ข้าจำคนผิดแล้ว…” ในสมองของซูหลิงเอ๋อร์ปรากฏคำพูดประโยคนั้นของกู้สวิ๋นฟาง อย่าได้เข้าใกล้คนแปลกหน้า
“ฮ่าๆ จำคนผิดก็ไม่เป็นไร พวกเราไปเล่นกันครู่หนึ่งก็รู้จักกันแล้ว ข้าก็เป็นพี่ชายของเจ้าได้!” สายตาของเขาหยุดอยู่บนใบหน้าอ่อนนุ่มของซูหลิงเอ๋อร์ กวาดสายตาไปมา เด็กหญิงคนนี้นับว่ามีเค้าคนงามจริงๆ จะต้องขายได้ราคาดีเป็นแน่
ความรู้สึกหวาดกลัวอันเข้มข้นเอ่อทะลักออกมาจากใจ ซูหลิงเอ๋อร์ถอยหลังไป รู้สึกจิตวิญญาณสั่นไหว “อย่าเข้ามา พี่ชายข้าเป็นคนของทางการ เขาจะมาจับเจ้า!”
คนของทางการ?! นี่…เช่นนี้ไม่ดีแล้ว บุรุษไม่อยากข้องเกี่ยวกับคนของทางการ เมื่อมองดรุณีน้อยเบื้องหน้าที่จู่ๆ ก็มีบรรยากาศเปลี่ยนไปอีกครั้ง ท่าทางไม่คล้ายกำลังโกหก
สมควรตาย! คิดว่าสวรรค์โยนโอกาสลงมาให้ตนพบเรื่องดีๆ คิดไม่ถึงว่ากลับดีใจเก้อ
บุรุษใคร่ครวญครู่หนึ่ง จากนั้นจึงจุ๊ปากจ้องมองซูหลิงเอ๋อร์ด้วยท่าทีดุดันก่อนจะหมุนตัวเดินเลี้ยวไป ดรุณีน้อยกลัวจะเผยความหวาดกลัวในใจของตนออกมา จึงใช้เพียงหางตาปรายมองบุรุษผู้นั้นว่าไปแล้วจริงๆ หรือไม่ จนกระทั่งคนผู้นั้นเดินเลี้ยวหายไปในมุม ซูหลิงเอ๋อร์จึงค่อยผ่อนคลายลง กำลังคิดจะหมุนตัววิ่ง กลับได้ยินเสียงหัวเราะแหบแห้งอันแปลกประหลาดดังแว่วมา
“ฮ่าๆๆ เด็กน้อยผู้ฉลาดเฉลียว”
สายลมอึมครึมระลอกหนึ่งพัดมา ซูหลิงเอ๋อร์รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่ถาโถมเข้ามาสู่ใบหน้า นางขมวดคิ้ว ที่มุมกำแพงซึ่งเดิมทีไม่มีผู้ใด ไม่ทราบว่ามีชายชราผู้หนึ่งพิงอยู่ตั้งแต่ยามใด เขาสวมใส่อาภรณ์สีดำทั้งร่าง นิ้วมือแห้งเหี่ยวทั้งห้าสวมปลอกเล็บสีดำยาว ดูแล้วน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
“เด็กน้อยฉลาดเฉลียวเพียงนี้ เชื่อว่าเลือดต้องหวานอร่อยเป็นแน่”
ลูกตาขุ่นมัวกลิ้งกรอกดังคลุกคลิก หยุดอยู่บนร่างของซูหลิงเอ๋อร์ อีกฝ่ายรู้สึกเย็นยะเยือกจนสั่นสะท้าน ท่านปู่คนนี้ยังน่ากลัวยิ่งกว่าพี่ชายเมื่อครู่นี้เสียอีก ซูหลิงเอ๋อร์ตกใจจนมิอาจควบคุมขาทั้งสองของตน ความรู้สึกอันตรายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเอ่อล้นท่วมหัวใจ
ภายในร้านตีเหล็ก ช่างตีเหล็กหลายคนมีใบหน้าอึมครึม อาวุธที่กู้สวิ๋นฟางกล่าวถึงพวกเขายังไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ไปๆๆ ไม่ซื้ออาวุธก็ไปจากที่นี่เสีย อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” ในที่สุดพวกเขาก็ทนไม่ไหว โบกมือไล่กู้สวิ๋นฟางออกไป
“หึ กระทั่งของเหล่านี้ก็ไม่รู้จัก ยังกล้าบอกว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้าอีก! น่าเบื่อ หลิงเอ๋อร์พวกเราไป…หลิงเอ๋อร์?” ยามนี้กู้สวิ๋นฟางจึงค่อยพบว่าซูหลิงเอ๋อร์มิได้ตามอยู่ข้างกายเขาโดยสิ้นเชิง แย่แล้ว! ขนมกุ้ยฮวา!
เจ้าของร้านมองบุรุษผู้มีท่าทีร้อนรนเบื้องหน้า “แม่นางน้อยผู้นั้นมิได้ตามคุณชายไปหรือ?”
นี่…
“หลิงเอ๋อร์! หลิงเอ๋อร์!”
บุรุษผู้หนึ่งเรียกให้กู้สวิ๋นฟางหยุดไว้ “คุณชายท่านนี้กำลังหาดรุณีน้อยสวมอาภรณ์สีชมพูใช่หรือไม่? เมื่อครู่นางจำคนผิด เดินไปทางนั้นแล้ว”
กู้สวิ๋นฟางเงยหน้ามองไปทางซอยนั้น “ขอบคุณมาก!” หลังจากกล่าวประโยคนี้ทิ้งไว้ก็รีบเข้าไปในซอยอย่างอดรนทนไม่ไหว
ในที่สุด บุรุษที่วิ่งอย่างบ้าคลั่งมาตลอดทางก็เห็นดรุณีน้อยยืนตัวแข็งอยู่ไม่ไกล “หลิงเอ๋อร์!”
เสียงนี้! ซูหลิงเอ๋อร์ตะโกนก้องอยู่ในใจ ทว่าร่างกายกลับมิอาจมีปฏิกิริยาใด
อะไรกัน? มีตัวเกะกะมาแล้วหรือ? ในดวงตาของบุรุษชุดคลุมดำมีประกายอันตราย ล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ
“เจ้าเป็นใคร จะทำอะไรหลิงเอ๋อร์!” ไม่นานกู้สวิ๋นฟางก็พบบุรุษผู้มีท่าทีผิดปกติเบื้องหน้า รีบวิ่งไปข้างกายซูหลิงเอ๋อร์ ดึงนางเข้ามาใกล้
เสียงในลำคอแหบแห้งของอีกฝ่ายทำให้ผู้ฟังรู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างอุดอยู่ก็มิปาน “ฮ่าๆ เด็กน้อยผู้นี้ถูกเลือกแล้ว ผู้ชราจะนำนางไปทำยา”
“ทำยา?! บ้าไปแล้ว!” กู้สวิ๋นฟางตะโกนด่าโดยพลัน อย่างไรก็ตามสัญชาตญาณกำลังบอกเขาว่าบุรุษผู้นี้อันตรายเป็นอย่างยิ่ง ไม่ผิดจากที่คาด อีกฝ่ายเคลื่อนไหวเล็กน้อย กู้สวิ๋นฟางรีบดึงซูหลิงเอ๋อร์ไปอยู่เบื้องหลังตามสัญชาตญาณ กระโดดถอยออกไปก้าวใหญ่
ชี่ๆๆ…
น้ำยาที่อีกฝ่ายสาดออกมากัดกร่อนพื้น ถึงกับเกิดเสียงคล้ายเผาไหม้ปรากฏ ไอสีขาวที่พวยพุ่งทำให้กู้สวิ๋นฟางสองตาหดเกร็ง มีพิษหรือ?! ชั่วขณะต่อมา อีกฝ่ายสาดพิษนั้นมายังใบหน้าของตน กู้สวิ๋นฟางยกข้อมือขึ้นบัง แขนเสื้อถูกละลายเผยให้เห็นปลอกแขนที่เขาสวมมาวันนี้
ดวงตาของชายชราในชุดคุลุมสีดำที่เดิมทีเต็มไปด้วยความลำพองใจพลันแปรเปลี่ยน จับจ้องไปยังแขนของกู้สวิ๋นฟางเขม็ง อีกฝ่ายทอดถอนใจเบาๆ ยังดีที่สวมมันมา มิฉะนั้นวันนี้แขนของตนคงใช้การไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าตนไม่อาจคิดเหลวไหลในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ รีบยื่นมือออกไปกดสลักในแขนเสื้อ เกิดเสียงฟุ่บๆๆ ดังขึ้น เข็มเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปยังบุรุษในชุดคลุมดำ
ชุดคลุมโบกสะบัด บุรุษทะยานตัวสู่อากาศ ชุดคลุมสะบัดอาวุธลับที่ถูกยิงมาออกไปได้ ทว่าในยามที่เขากระโจนตัวสู่พื้น เบื้องหน้ากลับไม่เห็นเงาของบุรุษหนุ่มและดรุณีน้อยผู้นั้นอีก
หนีไปแล้วหรือ? ในดวงตาของบุรุษเกิดประกายอันตรายหาใดเปรียบ หากตนมองไม่ผิด ปลอกแขนนั่นมิใช่…
กู้สวิ๋นฟางหอบหายใจ วิ่งกลับไปยังบ้านของตน มืออุ้มกอดซูหลิงเอ๋อร์เอาไว้แน่น กระทั่งปิดประตูร่างกายจึงอ่อนแรงจนต้องทรุดตัวลงนั่ง เขากู้สวิ๋นฟางไม่เคยหวาดกลัวผู้ใดมาก่อน ทว่าชายชราเมื่อครู่นี้กลับทำให้เขาไม่กล้าสู้ด้วย กลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นจากร่างของอีกฝ่ายทำให้กู้สวิ๋นฟางรู้สึกมวนท้อง
ประเดี๋ยวก่อน เขากล่าวว่าจะนำหลิงเอ๋อร์ไปทำยาหรือ? กู้สวิ๋นฟางพลันคิดไปถึงสิ่งที่บ่าวไพร่กล่าวกัน ในเมืองหลวงมีเด็กหายไปแล้วห้าคน มิแน่ว่าอาจเกี่ยวข้องกับบุรุษเมื่อครู่นี้ก็เป็นได้!
…
ยามค่ำคืน
ภายในห้องโถง อวิ๋นซูและเฟิ่งหลิงนั่งอยู่ข้างกัน วันนี้จู่ๆ กู้สวิ๋นฟางก็ให้คนมาเชิญพวกเขาสองคน คล้ายมีเรื่องสำคัญต้องการกล่าว
บุรุษในอาภรณ์สีเขียวปรากฏตัวด้วยใบหน้าเปี่ยมความสงสัย ทั้งสองลุกขึ้นยืนโดยพลัน “ใต้เท้ากู้มีวิธีแก้ไขแล้วหรือ?” ดวงตาของเฟิ่งหลิงสว่างวาบ ก่อนหน้านี้กู้สวิ๋นฟางเคยกล่าวว่าหากหาวิธีการใช้เหล็กดำอย่างถูกต้องพบแล้วจะให้คนมาแจ้ง
บุรุษผู้นั้นโยนของสิ่งหนึ่งเข้ามา เฟิ่งหลิงรีบรับไว้อย่างฉับไว ถึงกับเป็นปลอกแขนอันหนึ่ง ประเดี๋ยวก่อน นี่มัน…เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความยินดี “เหตุใดจึงเบาเช่นนี้?” เขาพลิกปลอกแขนในมือดูอย่างยากจะเชื่อ นี่ใช้เหล็กดำตีขึ้นจริงๆ ไม่สิ ด้านนอกเป็นเหล็กดำทว่าด้านในเป็นเหล็กเย็นธรรมดา
“ขอเพียงป้องกันพิษได้ก็พอแล้วมิใช่หรือ วันนี้ข้าลองมาแล้ว” สีหน้าของกู้สวิ๋นฟางไม่ค่อยดีนัก เมื่อได้ยินคำพูดของเขา อวิ๋นซูพลันสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”
หากกู้สวิ๋นฟางไม่เป็นอะไรคงไม่เรียกตนออกมาจากจวนแม่ทัพง่ายๆ เป็นแน่ พบว่าอีกฝ่ายเบนสายตาขึ้นด้วยท่าทีหนักอึ้ง “วันนี้หลิงเอ๋อร์ได้รับความตกใจแล้ว ข้าต้องรอให้นางหลับก่อนจึงจะออกมาได้ ในเมืองหลวงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ไม่ทราบว่าองค์ชายใหญ่รู้หรือไม่?”
เขากล่าวพลางมองไปยังเฟิ่งหลิงอย่างพิจารณา
เฟิ่งหลิงมองปลอกแขนในมือก่อนจะมองไปยังอีกฝ่าย “เกี่ยวกับเหล็กดำนี้หรือ?”
“ข้าพบคนคนหนึ่ง วันนี้นับว่าปลอกแขนนี้ช่วยชีวิตข้าแล้ว”