ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主] - ตอนที่ 513 ทำหมันหมู (2)
ตอนที่ 513 ทำหมันหมู (2)
ตอนที่ 513 ทำหมันหมู (2)
อู๋ถูหู่ขายเนื้อมามากกว่ายี่สิบปีแล้ว แต่ตอนนี้เขาต้องตกตะลึงอีกครั้ง
“ท่านลุง ทำได้หรือไม่เจ้าคะ?” หยุนเชวี่ยถามอีกครั้ง
“เอ่อ เจ้าจะให้ข้าทำอะไรหรือ?” การทำกิจการขายเนื้อ ผู้ขายจะต้องมีทักษะการใช้มีดที่รวดเร็วและแม่นยำ ประการแรกหากเลือดหมูถูกระบายออกจนเกลี้ยง เนื้อหมูจะสะอาดหมดจดไม่มีกลิ่นคาว ประการสองจะทำให้สัตว์ทรมานน้อยลง
แต่คราวนี้… เขาไม่เพียงเชือดหมู แต่ต้องทำอะไรนะ…
“ท่านลุง ข้าเคยอ่านตำราเล่มหนึ่ง มันเขียนว่าหากเราตอนลูกหมู” หยุนเชวี่ยทำท่าทางประกอบ “พวกมันจะโตเร็วขึ้นและพร้อมเชือดเร็วขึ้น เนื้อไม่มีกลิ่นความ ทั้งยังหวานอร่อยอีกด้วยเจ้าค่ะ…”
“เนื้อหมูจะไม่มีกลิ่นคาว?” อู๋ถูหู่พึมพำ “พร้อมเชือดภายในครึ่งปี? พวกมันยังโตไม่เต็มที่มิใช่หรือ? นอกจากนี้พวกมักโตเต็มวัยในฤดูใบไม้ร่วง!”
“ข้าก็จำไม่ได้เช่นกันว่าอ่านมาจากตำราเล่มใด” หยุนเชวี่ยเกาศีรษะ “ไยเราไม่ลองทำดูก่อนล่ะเจ้าคะ”
อู๋ถูหู่ “…”
หยุนเชวี่ยหันไปสั่งสืออี “เจ้าไปจับลูกหมูมาสักตัวหนึ่งสิ”
“ข้า?” สืออีชี้ไปที่จมูกตนเองพลางส่ายศีรษะไปมา “ไม่ ไม่ ข้าทำไม่ได้หรอก!”
“ถ้าไม่ให้ข้าตอนหมู ข้าจะตอนเจ้าเอง เจ้าสามารถเลือกได้หนึ่งอย่าง” หยุนเชวี่ยนั่งยอง ๆ ข้างคอกหมูพลางมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
“…” สืออีลอบกลืนน้ำลาย “นั่นสินะ… ขอโทษทีนะเจ้าลูกหมู ชาติหน้าขอให้เจ้าไปเกิดในที่ดี ๆ ล่ะ!”
หยุนเชวี่ย “อย่าพูดจาไร้สาระ เร็วเข้า!”
สืออีเปิดประตูคอกหมู เมื่อพวกมันเห็นเขาก็ส่งเสียงร้องมีความสุขเพราะคิดว่าถึงเวลากินอาหารแล้ว พวกมันเดินเบียดเสียดกันเข้าไปหาสืออีทันที
“นี่คือทางเลือกเดียวของพวกเจ้า…” สืออีเอ่ยเสียงลอดไรฟันกับลูกหมูตัวหนึ่ง
เจ้าลูกหมูตัวน้อยดิ้นรนตามสัญชาตญาณ สืออีจับขาหน้าและขาหลังของมันไว้แน่นก่อนเบือนหน้าหนีแล้วพูดกับอู๋ถูหู่ว่า “ท่านลุง ลงมือเลยขอรับ!”
อู๋ถูหู่ “…”
“ท่านลุง ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยเดินถอยหลังออกไปสองสามก้าว “กลับกันเถิด คืนนี้เราทำหมูหันกินกัน!”
อู๋ถูหู่พยักหน้า คมมีดแวววาวปะทะแสงไฟทำให้ดูน่ากลัว จากนั้นเขาก็วางมีดลง
เสียงร้องโหยหวนอันน่าสังเวชของลูกหมูดังทั่วบริเวณ สืออีพลันรู้สึกว่าขั้นตอนการทำหมันลูกหมูสำเร็จแล้ว
ลูกหมูโชคร้ายสามตัวที่ถูกนำมาทดลองการทำหมันถูกแยกไว้อีกคอกหนึ่ง พวกมันได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจนสามารถฟื้นตัวภายในครึ่งเดือน
หยุนเชวี่ยสังเกตว่าลูกหมูทั้งสามตัวที่ถูกตอนไม่ก้าวร้าว อารมณ์ของพวกมันสงบลงมาก ส่วนใหญ่ลูกหมูทั้งสามตัวจะนอนหลับทุกครั้งหลังมื้ออาหาร
สองเดือนต่อมาลูกหมูทั้งสามตัวก็อ้วนพีและแข็งแรงกว่าลูกหมูคอกเดียวกัน
ลูกจ้างที่มีหน้าที่ดูแลคอกหมูประหลาดใจอย่างมาก “พวกมันกินผักและรำเช่นเดียวกับตัวอื่น ๆ แต่เหตุใดพวกมันกลับอ้วนกว่าตัวอื่นนัก!”
“สังเกตดูแล้ว พวกมันคงพร้อมเชือดภายในสองเดือน?”
“หากทำตามตารางอาหาร พวกเราก็จะขายหมูได้ปีละสองครั้ง? เราก็จะมีรายได้มหาศาล!”
“ในเมื่อถูกตอนแล้วพวกมันจะให้กำเนิดได้เช่นไร?”
“เหตุใดเจ้าถึงโง่งมเช่นนี้ เจ้าจะเอาแต่พึ่งพาโชคหรือ? อ่านบันทึกเพาะพันธุ์สัตว์บ้างสิ”
ในช่วงต้นฤดูร้อน อากาศยังคงเย็นสบาย หยุนเชวี่ยเดินทางไปหาอู๋ถูหู่อีกครั้ง ครานี้นางบอกให้เขาตอนหมูเกือบทั้งคอก เหลือเพียงพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ไม่กี่ตัวเท่านั้น
ในวันนั้นเสียงกรีดร้องของหมูดังทั่วหมู่บ้านใหม่…
จากนั้นไม่นานชาวบ้านก็จ้างอู๋ถูหู่ไปตอนหมูของพวกเขา นอกจากนี้ชาวบ้านจากหมู่บ้านซิ่งหลินและหมู่บ้านต้นบัณฑิตยังได้รับข่าวสารว่าครอบครัวรองหยุนและชาวบ้านในหมู่บ้านไป๋ซีต่างทำหมันหมูของตนเอง พวกเขาจึงเดินทางมาศึกษาเพื่อไขความข้องใจ
“หากทำหมันแล้วลูกหมูจะโตเร็วหรือ? จุ๊ ๆ เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้…”
“ข้าได้ยินมาว่าเด็กสาวจากครอบครัวรองหยุนเป็นผู้คิดค้นสิ่งนี้? นางเป็นสาวเป็นแส้ เหตุใดถึงคิดค้นเรื่องนี้ได้”
“ข้าว่าเด็กคนนี้เกิดมาผิดที่ หากเกิดเป็นชายนางจะต้องมีชื่อเสียงเป็นแน่ แต่น่าเสียดายที่นางเกิดมาเป็นสตรีจึงไม่มีผู้ใดให้ความสนใจมากนัก”
“เจ้าอยากได้เด็กสาวคนนั้นไปเป็นลูกสะใภ้หรือ?”
“แน่นอน! เหตุใดข้าถึงจะไม่อยากได้นางเป็นลูกสะใภ้เล่า! ต่อให้ต้องจ่ายทั้งเงินและวัวเป็นสินสอดก็ยอม ผู้ใดจะปล่อยโอกาสร่ำรวยนี้ให้หลุดลอยไปเล่า!”
เมื่อกลุ่มชายหญิงและเด็กเมื่อคลายความสงสัยแล้ว พวกเขาเดินออกจากเรือนของตระกูลหยุน จากนั้นเดินไปทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านไป๋ซีแล้วชะเง้อมองเข้าไปในเรือนของอู๋ถูหู่เพื่อดูขั้นตอนวิธีการทำหมันหมู
ช่วงนี้อู๋ถูหู่ยุ่งวุ่นวายไม่น้อย เขาต้องจัดการตอนหมูของชาวบ้านในหมู่บ้านด้วยมีดเพียงเล่มเดียว เขาได้รับค่าตอบแทนครั้งละแปดเหรียญ ซึ่งในแต่ละวันเขาทำงานได้สิบกว่าเหรียญ
ชาวบ้านที่เดินทางมาจากหมู่บ้านข้างเคียงยังคอยเฝ้าดูเขา หลังจากผ่านไปสองสามวัน ลูกหมูที่ถูกตอนก็ฟื้นตัว เหล่าชาวบ้านจึงย้ายมันกลับไปที่คอกหมูของตน
“หากทำตามครอบครัวรองหยุน พวกเราต้องมีรายได้เป็นกอบเป็นกำแน่นอน!”
“ถูกต้อง ข้าได้ยินมาว่าหมูกว่าร้อยตัวในหมู่บ้านของเขาถูกตอนเรียบร้อยแล้ว พวกเราจะกลัวอะไร!”
“หน้าหนาวใกล้เข้ามาแล้ว พวกเราต้องสร้างคอกหมูเพิ่มและหาเงินได้มากขึ้นแน่นอน ทำตามวิธีของนางกันเถอะ!”
ไม่นานชาวบ้านจากหมู่บ้านใกล้เคียงก็จ้างอู๋ถูหู่ไปทำหมันหมูของตน แต่เขาไม่ได้ตอบตกลง
เนื่องจากอู๋ถูหู่รู้สึกว่าแม้พวกเขาจะจ้างตน แต่ตนควรรับผิดชอบหน้าที่นี้ในหมู่บ้านไป๋ซีเพียงที่เดียว เพราะหากชาวบ้านในทุกหมู่บ้านทำตามวิธีเดียวกัน พวกเขาก็จะแย่งชิงพื้นที่ในตลาดทำให้รายได้ของชาวบ้านหมู่บ้านไป๋ซีลดลง
ทว่าหยุนลี่เต๋อเกลี้ยกล่อมอู๋ถูหู่ว่าหากไม่ตายก็หาเงินใหม่ได้เรื่อย ๆ ทุกคนที่ทำตามวิธีของหยุนเชวี่ยล้วนทำเพื่อหาเงิน พวกเขาจะได้มีชีวิตที่ดี หลุดพ้นจากความยากจน
ชาวบ้านบางคนกลับไม่เห็นด้วยกันแนวคิดของหยุนลี่เต๋อ หลังจากคิดทบทวนดูแล้ว พวกเขาจึงไปรวมตัวกันที่หน้าเรือนของหยุนลี่เต๋อ
“เจ้ารอง เจ้าลองคิดดูสิว่าหากหมู่บ้านเหล่านั้นทำเหมือนเราทั้งหมด เนื้อหมูก็จะล้นตลาด ราคาจะต่ำลงจนขายไม่ได้ แล้วพวกเราจะมีรายได้ได้อย่างไร!”
“เจ้าคิดดูสิ ตอนนี้พวกเราขายเนื้อหมูในราคาสองตะลึง ในอนาคตราคาอาจลดลงเหลือหนึ่งตำลึงก็เป็นได้ ต่อให้ลูกหมูเกิดปีละสองคอก พวกเราก็ขายได้ไม่เหมือนเดิมหรอก!”
“มณฑลของเรากว้างขวางเพียงนี้ มีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย หากพวกเขาใช้วิธีเดียวกับเรา แล้วเราจะขายเนื้อหมูได้อย่างไร?”
ชาวบ้านที่มารวมตัวไม่มีเจตนามุ่งร้ายต่อผู้อื่น พวกเขาเพียงต้องการปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง และแน่นอนว่าพวกเขาไม่มีวิธีอื่นแล้ว
หยุนลี่เต๋อหารือเรื่องนี้กับหยุนเชวี่ย เขากังวลว่าหากเนื้อหมูล้นตลาด ราคาของมันจะลดลงตามไปด้วย ดังนั้นเหล่าชาวบ้านจะต้องขาดทุนเป็นแน่
ทว่าหยุนเชวี่ยไม่ใส่ใจ นางบอกว่าในหนึ่งมณฑล จะมีหนึ่งอำเภอ และในหนึ่งอำเภอสามารถแยกย่อยเป็นหมู่บ้าน ซึ่งในแต่ละหมู่บ้าน เหล่าชาวบ้านต้องมองในมุมที่กว้างกว่านี้ พวกเขาไม่สามารถส่งเนื้อหมูไปขายได้อย่างทั่วถึงทุกหมู่บ้านทั่วทั้งมณฑล ซึ่งในหมู่บ้านมีชาวบ้านอาศัยอยู่กี่ครัวเรือน? แล้วแต่ละคนในครัวเรือนกินอาหารกี่มื้อ? แม้ราคาหมูจะลดลง แต่ทุกคนก็สามารถมีกินมีใช้ไม่ขาดมือ แม้จะได้กำไรเพียงเล็กน้อย แต่ผู้คนล้วนกินอิ่ม พวกเขาเป็นกังวลเรื่องเงินมากกว่าชีวิตเพื่อร่วมโลกหรือ?
หยุนลี่เต๋อได้ยินดังนั้นจึงไตร่ตรองอีกครั้ง เมื่อทบทวนอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นเปลาะหนึ่ง
มันเป็นเรื่องดีอย่างยิ่งที่ทุกคนมีรายได้และผู้ยากจนก็พลอยอิ่มท้องไปด้วย!