ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主] - ตอนที่ 515 ร่ำรวยทั้งหมู่บ้าน (2) จบบริบูรณ์
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主]
- ตอนที่ 515 ร่ำรวยทั้งหมู่บ้าน (2) จบบริบูรณ์
ตอนที่ 515 ร่ำรวยทั้งหมู่บ้าน (2) จบบริบูรณ์
ตอนที่ 515 ร่ำรวยทั้งหมู่บ้าน (2) จบบริบูรณ์
ระยะเวลาหนึ่งปีผ่านไปภายในพริบตา
คุณภาพชีวิตของชาวบ้านหมู่บ้านไป๋ซีดีขึ้นกว่าปีที่แล้วไม่น้อย พวกเขาไม่ต้องประหยัดเงินอดมื้อกินมื้อ ทุกคนล้วนได้กินอาหารที่เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์ เด็ก ๆ มีเสื้อผ้าชุดใหม่สวมใส่ และระหว่างตรุษจีนหญิงสาวทั้งหลายก็สามารถเลือกซื้อผงชาดและเสื้อผ้าสีสันสดใสได้ตามอำเภอใจ
ชาวบ้านหมู่บ้านไป๋ซีร่ำรวยขึ้น คนหนุ่มสาวในหมู่บ้านต่างเป็นที่หมายของคนรุ่นราวคราวเดียวกันในสิบลี้แปดหมู่บ้าน แม้แต่แม่สื่อที่มาจากต่างมณฑลก็มาทาบทามหนุ่มสาวจากที่นี่ด้วย หากบ้านไหนมีชายหนุ่มที่ยังไม่ได้แต่งงานก็จะมีแม่สื่อไปเยือนที่เรือนเกือบทุกวัน
ในวันสิ้นปีที่จะถึง มีคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านประมาณสี่ห้าคู่เตรียมตัวแต่งงาน ซึ่งพิธีวิวาห์ดำเนินไปอย่างราบรื่นและครึกครื้นตลอดไปจนถึงการไถพรวนดินในฤดูใบไม้ผลิ
ในปีที่ผ่านมาผลผลิตของตระกูลหยุนดีขึ้นไม่น้อย เมื่อเข้าสู่ปีใหม่พวกเขาก็เดินทางไปพบนายหน้าซุนอีกครั้งเพื่อพูดคุยเรื่องการซื้อขายหมู่บ้านใหม่
แม่นางเหลียนแสดงความกังวลเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินครั้งใหม่ “ซื้อหมู่บ้านใหม่รึ? เจ้าจะมีเวลาดูแลหรือ?”
“ท่านแม่ เราจ้างคนงานดูแลได้เจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยคะยั้นคะยอให้สองสามีภรรยาซื้อที่ดินผืนใหม่นานแล้ว ในภายภาคหน้าครอบครัวของนางจะได้ครอบครองที่ดินมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทั้งสองกลับตอบว่าพวกตนจะดูแลอย่างทั่วถึงได้อย่างไร? มันจะไม่เหนื่อยเกินไปหรือ?
“ปล่อยให้คนนอกดูแลพื้นที่กว้างใหญ่ผืนนั้น? มันจะเข้าท่าหรือ?” แม่นางเหลียนยังคงกังวลเล็กน้อย
แม้หมู่บ้านแห่งแรกจะจ้างคนนอกมาดูแล แต่ที่นั่นอยู่ใกล้กับหมู่บ้านไป๋ซี หยุนลี่เต๋อจึงสามารถขับเกวียนไปกลับได้ตลอดเวลา แต่หากต้องการหมู่บ้านใหม่อีกแห่ง เขาจึงเกรงว่าตนจะไม่มีเวลาดูแลที่ดินผืนนั้น
“พวกท่านกลุ้มใจเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ กิจการขนาดใหญ่ในเมืองล้วนจ้างผู้อื่นมาดูแลแทนทั้งนั้น เจ้าของร้านตัวจริงไม่มีเวลามาดูแลเองหรอก” หยุนเชวี่ยกล่าว “ตราบใดที่เราคอยตรวจทานบัญชีกระแสรายวัน บัญชีรายรับรายจ่ายทุกประเภทอย่างละเอียด”
“…” แม่นางเหลียนมองหยุนลี่เต๋อด้วยสายตาสงสัย
“ข้าเห็นด้วยกับลูกสาว!” หยุนลี่เต๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าเห็นด้วย “ในอนาคตข้าจะบริหารหมู่บ้านใหม่สองแห่ง!”
ก่อนการไถพรวนดินในฤดูใบไม้ผลิ ตระกูลหยุนซื้อหมู่บ้านแห่งใหม่เรียบร้อยแล้ว ไม่นานนายหน้าซุนก็เสนอชายอายุสี่สิบปีที่มาจากมณฑลใกล้เคียงให้เป็นผู้ดูแลหมู่บ้านแห่งใหม่ของพวกเขา ชายผู้นี้สามารถจัดการปัญหาภายในและภายนอกได้ดียิ่ง ทั้งยังปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมอีกด้วย
ช่วงกลางเดือนที่ห้าของปี ตระกูลหยุนก็ไปปรึกษาหวังหลี่เจิ้งอีกครั้งว่าพวกเขาต้องการล้อมรั้วพื้นที่โล่งกว้างข้างแม่น้ำ จากนั้นสร้างสนามหญ้าและสร้างห้องเรียนสามห้องเป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้าน
ห้องที่กว้างขวางและสว่างที่สุดจะถูกใช้สำหรับการสอน อีกสองห้องใช้เป็นห้องรับประทานอาหารและห้องพักของอาจารย์
สาเหตุที่โรงเรียนประจำหมู่บ้านไป๋ซีถูกเรียกว่า ‘โรงเรียน’ ไม่ใช่ ‘สำนักเรียน’ เป็นเพราะที่แห่งนี้ไม่เก็บค่าเล่าเรียน อีกทั้งตระกูลหยุนจะรับผิดชอบในเรื่องค่าจ้างของอาจารย์ เด็ก ๆ ในหมู่บ้านที่อายุต่ำกว่าสิบสองปีและยังไม่ได้เล่าเรียนตำรา ไม่ว่าชายหรือหญิงสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ได้ หากผู้ใดสามารถสอบเป็นบัณฑิต ตระกูลหยุนจะจ่ายเงินรางวัลให้แก่คนผู้นั้นสิบตำลึง
ในวันที่โรงเรียนสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ ผู้ใหญ่มากกว่าสิบคนต่างตบเท้าพาลูก ๆ มาสมัครเรียนที่นี่ บิดามารดาย่อมหวังให้ลูกประสบความสำเร็จ แม้จะรู้ดีว่าพวกเขาไม่มีวันได้เป็นขุนนาง แต่อย่างน้อยก็ยังมีความรู้ติดตัว และสิ่งสำคัญที่สุดคือโรงเรียนแห่งนี้ไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียน
ไม่นานโรงเรียนก็เปิดทำการ นักเรียนประมาณยี่สิบคนนั่งอย่างเป็นระเบียบอยู่ในห้องเรียนกว้างขวางและสว่างไสว ซึ่งในจำนวนนั้นมีเด็กผู้หญิงอยู่ประมาณสี่ห้าคน
“ท่านพ่อของข้าบอกว่า หากข้าได้เป็นบัณฑิต นับว่าเป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูลอย่างยิ่ง!”
“ท่านพ่อของข้าบอกว่าครอบครัวเราไม่มีบรรพบุรุษคนใดสามารถอ่านออกเขียนได้ ดังนั้นเขาจึงต้องการให้ข้ามีอนาคตที่สดใส!”
“พ่อข้าบอกว่าหากข้าร่ำเรียนอย่างหนัก หลังจากที่ข้ามีความรู้แล้วข้าก็จะสง่างามเช่นพี่เชวี่ยเอ๋อ!”
“ท่านแม่ของข้าบอกว่าเป็นสตรีควรมีวิสัยทัศน์กว้างขวาง แม้จะสอบเป็นบัณฑิตไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีความรู้ติดตัว”
“…”
ในจิตใจของเด็ก ๆ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความกระตือรือร้น พวกเขามาที่โรงเรียนในตอนเช้าเพื่อร่ำเรียน แล้วกลับไปช่วยงานครอบครัวในตอนบ่าย
หลังจากเวลาผ่านไปสองปี หมู่บ้านไป๋ซีก็มีบัณฑิตมากกว่าสิบคนและกลายเป็น ‘หมู่บ้านจ้วงหยวน’ ที่เลื่องชื่อ
แม้ตอนนี้จะยังไม่มีผู้ใดเป็น ‘ขุนนาง’ แต่ก็มีจำนวนบัณฑิตมากมายไม่เป็นสองรองใครในสามมณฑลใกล้เคียง
ไม่เพียงแค่นั้น ภายใต้อิทธิพลของเด็กรุ่นใหม่ หลังจากเวลาผ่านไป ผู้เฒ่าในหมู่บ้านที่เคยแต่ใช้แรงงานก็สามารถอ่านตัวอักษรง่าย ๆ สองสามคำได้ ขณะที่บางคนสามารถเขียนชื่อตนเองได้ เมื่อเดินทางเข้าไปในเมือง เหล่าชาวบ้านก็จะสังเกตเห็นป้ายบอกทางที่มีอยู่เต็มสองข้างทาง เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีผู้ใดหลงทางอีกต่อไป
ในช่วงไม่กี่ปีผ่านมา กิจการตระกูลหยุนเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ตระกูลหยุนมีจวนหลังใหญ่อยู่หลายแห่งทั้งในตัวเมืองและอีกหลายแห่ง ขณะนี้พวกเขากลายเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลอันดับต้น ๆ ในมณฑลแล้ว
หยุนลี่เต๋อและแม่นางเหลียนได้สืออีเป็นลูกเขยสมใจ แม้คู่ข้าวใหม่ปลามันจะทะเลาะกันเป็นนิตย์ ทว่าทั้งคู่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข (จบบริบูรณ์)
Seaza25
จบได้งงมาก
Jan1960
จบแบบไม่เคลียร์เลย