พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 269 ทำแบบนี้มันคุ้มแล้วเหรอ
ตอนที่ 269
ทำแบบนี้มันคุ้มแล้วเหรอ
ราวกับกระแสไฟฟ้าแผ่ซ่านออกมาจากฝ่ามือ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรีบหดตัวอย่างไม่สบายใจและอยากจะปลีกตัวออกไป
มู่อวี้เฉิงสังเกตเห็นพฤติกรรมของเธอจึงกอดเธอให้แนบชิดยิ่งขึ้น
เขาหรี่ตามองเธอในอ้อมกอดและยิ้มเบา ๆ “รออีกแป๊บเดียวคุณก็รู้เอง”
มู่อวี้เฉิงคลายมือออกเล็กน้อย โดยรักษาท่าทางไม่ให้แนบชิดจนถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกอึดอัดจนเกินไป
เขารักษาท่าทางไว้จนทั้งสองเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยงอีกครั้ง
“เงยหน้าแล้วยิ้ม” มู่อวี้เฉิงพูดเตือนเบา ๆ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวบีบบังคับให้ตนเองเพิกเฉยต่อความลุ่มร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากเอว และแสดงรอยยิ้มอันสง่างามบนใบหน้า
มู่อวี้เฉิงหยิบแก้วไวน์แดงจากบริกรที่เดินผ่านมาแล้วเดินพาถงเหมี่ยวเหมี่ยวไปยังกลุ่มฝูงชนที่กำลังพูดคุยกัน
“ผู้อำนวยการเย่” มู่อวี้เฉิงพูดทักทายหนึ่งในนั้นด้วยความเคารพ
ผู้อำนวยการเย่หันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “ผมก็นึกว่าใคร คุณมู่นี่เอง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
“นานแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน พ่อผมพูดถึงคุณอยู่บ่อย ๆ” มู่อวี้เฉิงพูด
ผู้อำนวยการเย่มองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มู่อวี้เฉิงแล้วถามว่า “อวี้เฉิงจะไม่แนะนำสุภาพสตรีท่านนี้ให้เรารู้จักหน่อยเหรอ? คุณคนสวยคนนี้คือ…”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของผู้อำนวยการเย่ ผู้คนรอบข้างก็เงี่ยหูฟัง
พวกเขาทุกคนเห็นเหตุการณ์ที่มู่วี้เฉิงบีบบังคับให้ผู้หญิงคนนี้ขึ้นไปเต้นรำบนเวทีด้วยเมื่อสักครู่นี้
กล่าวได้ว่าพวกเขาต่างตกใจกันมาก
บางคนบอกว่าผู้หญิงคนนี้เข้าไปเป็นมือที่สามระหว่างมู่อวี้เฉิงกับหลัวฉิงคง
บางคนบอกว่านี่คือคู่หมั้นของมู่อวี้เฉิง และหลัวฉิงคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ
พวกเขาไม่ใช่พวกชอบติฉินนินทา เพียงแต่อยากรู้เรื่องราวของมู่อวี้เฉิงเท่านั้น
“นี่คือถงเหมี่ยวเหมี่ยว เธอเป็น…”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้ซึ้งถึงความตั้งใจของมู่อวี้เฉิงเป็นอย่างดี
เขาต้องการป่าวประกาศความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ดังนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงรีบหยิกเอวเขาเพื่อส่งสัญญาณว่าให้เขาตระหนักถึงคำพูดของตนเองให้ดี
มู่อวี้เฉิงที่กำลังแสดงสีหน้ายิ้มแย้มรู้สึกเจ็บจี๊ดที่เอวขึ้นมาทันใด และเข้าใจได้ในทันทีว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวหมายถึงอะไร
เขาจึงเปลี่ยนคำพูด “เป็นผู้จัดการของสตีเฟนกรุ๊ปครับ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่ามู่อวี้เฉิงไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา
คนอื่น ๆ ต่างพากันรู้สึกผิดหวัง
มู่อวี้เฉิงหันกลับมามองถงเหมี่ยวเหมี่ยวและส่งยิ้มให้เธอ ในเมื่อเธอไม่ต้องการให้เขาป่าวประกาศความสัมพันธ์ เขาก็จะดำเนินการอย่างช้า ๆ เพื่อรอคอยวันที่เธอเต็มใจ
ถึงอย่างนั้นผู้เผด็จการยังต้องการกล่าวคำปฏิญาณเสมอ
หลังจากนั้นมู่อวี้เฉิงก็พาถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินเข้าไปทักทายลูกค้าจำนวนมาก
หลัวฉิงคงยืนมองอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูวงแขนของเขาโอบกอดถงเหมี่ยวเหมี่ยวอย่างใกล้ชิด ขณะที่เธอลดสถานะเหลือเพียงผู้ชมเท่านั้น
หลังจากงานเลี้ยงจบลง หลัวฉิงคงแทบจะทนไม่ไหวที่จะกลับบ้าน
เธอกลับมาถึงบ้านตอนที่ผู้ช่วยเข้ามารายงานผลพอดี
“คุณมู่กับถงเหมี่ยวเหมี่ยวมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ตอนนี้อายุได้ห้าขวบแล้วค่ะ” ผู้ช่วยรายงานด้วยความเคารพขณะยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลให้หลัวฉิงคง
คุณนายหลัวตกใจมากเมื่อได้ยินคำรายงานของผู้ช่วย
มู่อวี้เฉิงมีลูกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วจริง ๆ
เธอถึงกับสงสัยว่าเธอหูฝาดไปหรือเปล่า
หลัวฉิงคงที่ได้ยินเช่นนั้นรีบเปิดถุงกระดาษและหยิบข้อมูลด้านในออกมาอ่าน
หลังจากอ่านจบแล้ว เธอรู้สึกได้ถึงความโกรธเคืองที่พลุ่งพล่านขึ้นมาบนใบหน้า
“แม่ ดูสิคะ ลิ่นอวี๋เหยียนทำแบบนี้หมายความว่ายังไง? เธออยากจะให้หนูไปเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือไง?” หลัวฉิงคงยื่นเอกสารให้คุณนายหลัว
เธอไม่ได้เรียกลิ่นอวี๋เหยียนว่าคุณนายหลัวด้วยความเคารพอีกต่อไป แต่เธอเรียกชื่อจริงอีกฝ่ายแทนเพราะตอนนี้เธอกำลังโกรธจัด
คุณนายหลัวหยิบเอกสารที่หลัวฉิงคงวางไว้ตรงหน้าขึ้นมาอ่าน
พลางคิดในใจว่าลิ่นอวี๋เหยียนทำเกินไปแล้ว ทว่าตระกูลมู่ทรงอำนาจมากเสียจนเธอไม่อยากจะยอมแพ้
“เธอกลับไปก่อน” คุณนายหลัวหันไปสั่งผู้ช่วย
ผู้ช่วยพยักหน้าเบา ๆ และเดินกลับออกไป
หลังจากผู้ช่วยเดินออกไปแล้ว คุณนายหลัวก็ตบหลังมือหลัวฉิงคงเบา ๆ
เธอคอยพูดปลอบลูกสาวว่า “นั่นตระกูลมู่เลยนะลูก ถึงลูกจะต้องไปเป็นแม่เลี้ยงจริง ๆ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากเป็น”
หลัวฉิงคงเม้มปาก ใครอยากจะเป็นแม่เลี้ยงเด็กที่โตมาขนาดนี้แล้ว
“อีกอย่างถ้าลูกกับมู่อวี้เฉิงเข้ากันได้ดี หลังจากนั้นลูกก็มีลูกเองได้นี่น่า ถึงตอนนั้นแล้วใครจะไปจำไอ้เด็กนอกคอกนั่นได้?” คุณนายหลัวพูดเกลี้ยกล่อมเธอ
หลัวฉิงคงยังคงลังเลเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เธอเคยคิดว่าตระกูลหลัวเทียบอะไรตระกูลมู่ไม่ได้เลย และการที่เธอแต่งงานกับมู่อวี้เฉิงจะเป็นการช่วยยกระดับสถานะทางสังคม
แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตระกูลมู่ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย
มู่อวี้เฉิงกลายเป็นผู้ชายที่มีลูกติด ต่อให้มีกุลสตรียินดีที่จะแต่งงานกับเขา และพวกเขาได้แต่งงานกันจริง ๆ แต่เธอก็จะได้เป็นแค่นางรองเท่านั้น
คุณนายหลัวเริ่มพูดเกลี้ยกล่อมหลัวฉิงคงอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอไม่พอใจอย่างมาก
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่งานเลี้ยงจบลง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับมู่อวี้เฉิงวางแผนที่จะเดินทางกลับ
“ฉันขอไปคุยกับรุ่นพี่ก่อนนะคะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดบอกมู่อวี้เฉิง
เธอมาร่วมงานนี้พร้อมกับลู่ซีจวี๋ หากจากไปโดยไม่กล่าวคำอำลามันคงจะไม่สุภาพ
มู่อวี้เฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “ผมไปด้วย”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองคนก็เดินไปหาลู่ซีจวี๋
ลู่ซีจวี๋หันกลับมาเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงบอกลาลูกค้าที่เขากำลังพูดคุยด้วยอยู่
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินขึ้นไปข้างหน้าและพูดเบา ๆ “รุ่นพี่ ฉันกลับบ้านก่อนนะคะ”
ลู่ซีจวี๋ตอบกลับอย่างอบอุ่น “เดี๋ยวฉันไปส่ง”
มู่อวี้เฉิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินคำพูดดังกล่าวเช่นกัน
เขาเดินขึ้นไปข้างหน้าและถือวิสาสะโอบไหล่ของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยว “คุณลู่ไม่ต้องห่วงไปครับ เธอจะกลับพร้อมผม”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินพาถงเหมี่ยวเหมี่ยวออกไป
“แล้วเจอกันนะคะรุ่นพี่” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวบอกลาขณะถูกมู่อวี้เฉิงลากออกไป
ลู่ซีจวี๋เฝ้าดูทั้งสองคนเดินจูงมือกันออกไปด้วยดวงตาที่มืดมนลง
เขาเดินไปหยิบแก้วไวน์บนโต๊ะและดื่มมันหมดภายในอึกเดียวด้วยสีหน้าเย็นชา
ใคร ๆ ก็สามารถบอกได้ว่าตอนนี้ลู่ซีจวี๋อารมณ์ไม่ดีนัก
“ฮาย คุณก็อยู่ที่นี่เหรอ” คำทักทายเบา ๆ ดังเข้ามาในรูหูของลู่ซีจวี๋
เขารู้สึกถึงกลิ่นหอมที่โชยออกมาจากร่างหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
ลู่ซีจวี๋เงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาหา
อินอวี่โหรวยกริมฝีปากขึ้นจนรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้า เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาโบกทักทายเขา
อินอวี่โหรวมาร่วมงานเลี้ยงด้วยเช่นกัน แต่ตอนที่เธอเห็นลู่ซีจวี๋ เธอกลับพบว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวยืนอยู่ข้าง ๆ เขา
เธอจึงไม่ได้เดินเข้ามาทักทายเขา
มีบางครั้งที่ลู่ซีจวี๋เดินผ่านเธอขณะที่เธอกำลังพูดคุยกับแขกคนอื่นอยู่ แต่เธอจงใจหลีกเลี่ยงเขา
ถึงอย่างนั้นสายตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่ลู่ซีจวี๋อยู่เสมอ และเห็นทุกอย่างที่เขาทำในวันนี้
เมื่อเห็นว่าลู่ซีจวี๋ดูเหงาหงอยและดื่มเพียงลำพัง เธอก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาหาเขา
“ทำแบบนี้มันคุ้มแล้วเหรอ?” อินอวี่โหรวถาม
เห็นได้ชัดว่าเขาชอบผู้หญิงคนนั้นมาก แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย
นอกจากนี้ลู่ซีจวี๋ยังหาวิถีทางช่วยพวกเขาสองคน
มันคุ้มแล้วเหรอ?