พันธสัญญาลวงรัก - ตอนที่ 270 คุณต้องเชื่อฟังฉัน
ตอนที่ 270
คุณต้องเชื่อฟังฉัน
ลู่ซีจวี๋รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นอินอวี่โหรว
หลังจากได้สติกลับคืนมา เขายกมุมปากขึ้นจนเผยรอยยิ้มจาง ๆ “คุณก็มาด้วยเหรอ?”
อินอวี่โหรวพยักหน้า
เธอมองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของลู่ซีจวี๋แล้วรู้สึกได้ถึงความขมขื่นและโศกเศร้า
อินอวี่โหรวอยากจะบอกเขาว่าถ้าไม่อยากยิ้มก็อย่าฝืนตัวเองเลย
แต่เมื่อคำพูดดังกล่าวกระโจนออกมาจากลำคอ เธอกลับไม่สามารถเปิดปากพูดมันออกไปได้
เธอเม้มริมฝีปากและถามเบา ๆ “ไปดื่มด้วยกันมั้ยคะ?”
ลู่ซีจวี๋ลังเลเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขายังคงจำครั้งล่าสุดที่ตนเองเมาและเผลอจูบกับอินอวี่โหรวได้
ตอนนี้เขาจึงรู้สึกอับอายเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเธอ
ลู่ซีจวี๋เหลือบมองอินอวี่โหรว และเห็นว่าสีหน้าของเธอดูแน่วแน่
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
อินอวี่โหรวมองดูเขาและเห็นว่าเขายังเงียบ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เธอจึงกระซิบว่า “ฉันแค่อยากหาเพื่อนดื่มน่ะค่ะ อย่าคิดมาก”
ลู่ซีจวี๋ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น
แต่หลังจากนั้นเขากลับตอบตกลง “ได้ครับ”
อินอวี่โหรวยิ้มเมื่อเห็นว่าเขาตกลง “งั้นเราไปกันเถอะค่ะ”
ลู่ซีจวี๋พยักหน้าและเดินตามหลังเธอออกจากสถานที่จัดงานเลี้ยงไป
จิ้นเป่ยเฉิงที่ยืนอยู่มุมห้อง เฝ้าสังเกตคนสี่คนที่เดินออกไปเป็นคู่ด้วยดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนใจ
“น่าสนใจ” เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบคางขณะพึมพำกับตนเอง
เฉียวซือมองตามไปในทิศทางที่เขามอง
แต่หลังจากมองตามสายตาของเขาแล้ว เธอกลับพบว่าไม่มีอะไรน่าสนใจเลย
เธอละสายตากลับมาและหันไปมองจิ้นเป่ยเฉิง โดยรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรแปลก ๆ
อีกด้านหนึ่ง
เมื่ออินอวี่โหรวกับลู่ซีจวี๋มาถึงลานจอดรถ เธอก็พูดขึ้นโดยตรงว่า “เอารถของฉันไปนะ?”
ลู่ซีจวี๋ไม่ปฏิเสธเพราะเขารู้สึกว่าต่อให้เขาจะขับรถยนต์ของใครมันก็มีค่าเท่ากัน
อินอวี่โหรวที่ได้รับคำตอบแล้วเดินตรงไปยังรถสปอร์ตเฟอร์รารีสีขาวนวล
เธอเปิดประตูอย่างเชี่ยวชาญและเคลื่อนตัวเข้าไปในรถยนต์อย่างราบรื่นเพียงครั้งเดียว
จากนั้นเธอก็มองตรงไปที่ลู่ซีจวี๋ “ขึ้นมาสิคะ”
“เดี๋ยวผมขับให้” ลู่ซีจวี๋พูดเสนอตัวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและสุภาพ
มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องให้ผู้หญิงขับรถให้นั่ง
“แต่คุณดื่มมาแล้ว” อินอวี่โหรวพูดตามความจริง
เธอเห็นเขาดื่มแอลกอฮอล์เมื่อสักครู่นี้ และตอนนี้เขาคิดจะขับรถจริง ๆ เหรอ?
แม้ว่าลู่ซีจวี๋จะไม่กังวลว่าจะถูกตำรวจจับ แต่เธอก็ไม่อยากฝากชีวิตไว้ในกำมือเขา ครั้งล่าสุด…
อินอวี่โหรวที่คิดได้เช่นนั้นรีบห้ามปรามและพูดเร่งเร้า “รีบขึ้นมาเถอะค่ะ คุณดื่มมาขนาดไหนบ้างก็ไม่รู้ เพราะงั้นฉันขับเองดีที่สุด”
ลู่ซีจวี๋ที่ได้ยินเช่นนั้นไม่อาจหักล้างเหตุผลของเธอได้
หลังจากได้ยินเช่นนั้น เขาก็ขึ้นไปรถยนต์
จากนั้นอินอวี่โหรวก็สตาร์ทรถในทันที
รถสปอร์ตส่งเสียงคำรามและเคลื่อนตัวไปที่บาร์ด้วยความเร็วสูง
รถยนต์แล่นไปตามท้องถนนภายใต้แสงดาว จนในที่สุดก็มาถึงบาร์แห่งหนึ่ง
เบาะที่นั่งรถสปอร์ตเป็นมิตรกับอินอวี่โหรวมาก แต่ค่อนข้างยากลำบากสำหรับลู่ซีจวี๋
หลังจากลงจากรถยนต์ ลู่ซีจวี๋จึงรู้สึกว่ามือและเท้าของเขายังเกร็งอยู่เล็กน้อย
ขณะที่ทั้งสองเดินเข้าไปในบาร์ ลู่ซีจวี๋วางแผนจะเปิดห้องส่วนตัวเหมือนครั้งที่แล้ว
ทว่าอินอวี่โหรวกลับหยุดเขาไว้และดึงเขาไปนั่งลงข้าง ๆ โต๊ะบาร์
“วันนี้คุณมากับฉัน เพราะฉะนั้นคุณจะต้องเชื่อฟังฉัน” อินอวี่โหรวพูดอย่างครอบงำ
เธอพูดแบบนี้ด้วยเหตุผลสองประการ ประการที่หนึ่งเธอไม่อยากให้เขาดื่มหนักคนเดียวในห้องส่วนตัวเหมือนครั้งที่แล้ว ประการที่สองเธอหวังว่าความมีชีวิตชีวาด้านนอกนี้จะส่งต่ออารมณ์ของเขาบ้าง
“อืม” ลู่ซีจวี๋พยักหน้าขณะตอบตกลง
ทั้งสองสั่งไวน์เป็นจำนวนมากและดื่ม
ทว่าสิ่งที่อินอวี่โหรวไม่คาดคิดคือต่อให้พวกเขานั่งโต๊ะบาร์อยู่ทางด้านนอก แต่ลู่ซีจวี๋ก็ยังคงยกแก้วไวน์กระดกลงคอครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาเมินเฉยต่อสถานแวดล้อมที่มีชีวิตชีวารอบข้างเขา
แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าที่หล่อเหลา อารมณ์ที่โดดเด่น และรูปร่างที่สมบูรณ์แบบด้วยไหล่กว้างขายาวกลับทำให้เขาตกเป็นเหยื่อของสาวงามมากมายในบาร์แห่งนี้
อินอวี่โหรวดื่มไวน์กับเขาไปไม่น้อย จนเธอเริ่มรู้สึกร้อนอกร้อนใจจึงเดินออกจากบาร์มา
พวกผู้หญิงที่เฝ้าจับตาดูรีบดำเนินการทันทีที่เห็นเธอเดินออกไป
หญิงสาวที่มีสัดส่วนทองคำสวมชุดเลื่อมเกล็ดปลาเดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางที่ยั่วยวน
เธอถือไวน์แดงไว้ในมือและเดินเข้าไปหาลู่ซีจวี๋ เผยอปากสีแดงอวบอิ่มเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวนว่า “สุดหล่อ ดื่มด้วยกันมั้ยคะ”
เธอพูดขณะโน้มตัวเข้าไปหาลู่ซีจวี๋
ตอนนี้ลู่ซีจวี๋กำลังเมาเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วและเขยิบไปนั่งด้านข้างทันทีเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่ฉุนกึกของเธอโชยออกมา
ด้วยเหตุนี้ หญิงสาวจึงเซลงบนโต๊ะที่นั่งข้างบาร์เล็กน้อย ทำให้ไวน์ในมือหกรดลู่ซีจวี๋
หญิงสาวคนนั้นยื่นมือที่ทาเล็บสีแดงแปร๊ดออกมาหยิบกระดาษทิชชู่และซับตามร่างกายของลู่ซีจวี๋เบา ๆ “ไอหยา ขอโทษนะคะสุดหล่อ เดี๋ยวฉันเช็ดให้”
เธอถอนหายใจ ผู้ชายคนดูหน้าตาดีมากจริง ๆ
แม้ว่าลู่ซีจวี๋จะเมา แต่เขาก็ยังพยายามหลีกเลี่ยงกลิ่นน้ำหอมของเธอ
ถึงอย่างนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวยังคงเขยิบเข้ามาใกล้ จนเขาต้องถอยห่างออกไป
“เธอจะทำอะไร?” น้ำเสียงเย็นชาดังทะลุเข้ามาถึงรูหูของผู้หญิงคนนั้น
“อ๊ะ น้องสาวมาแล้วเหรอจ๊ะ มีผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้ก็ควรจะแบ่งปันกันบ้างสิ” เธอพูดขณะโน้มตัวเข้าไปใกล้ลู่ซีจวี๋และส่งยิ้มหวาน
“ไปให้พ้น! ใครน้องสาวเธอ” อินอวี่โหรวพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
หลังจากพูดจบ เธอก็เอื้อมมือออกไปผลักหญิงสาวคนนั้นให้อยู่ห่างจากลู่ซีจวี๋
ผู้หญิงที่ถูกผลักจ้องเขม็งไปทางอินอวี่โหรว
ในตอนแรกอินอวี่โหรวยืนอยู่ห่างไกลภายใต้แสงไฟสลัว ทำให้หญิงสาวมองไม่เห็นว่าเธอใส่ชุดอะไร
แต่เมื่อเธอเขยิบเข้ามาใกล้ ๆ สีหน้าของเธอกลับแปรเปลี่ยนเป็นตกใจทันที
ชุดที่อินอวี่โหรวสวมใส่อยู่ในตอนนี้คือชุดแบรนด์ไฮเอนรุ่นพิเศษในปีนี้ ต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ
หญิงสาวมองดูแล้วและรู้สึกว่าเธอไม่สามารถทำให้คนคนนี้ขุ่นเคืองได้ เธอจึงเดินจากไป
หลังจากที่หญิงสาวเดินจากไปแล้ว อินอวี่โหรวก็มองดู ลู่ซีจวี๋และตระหนักได้ว่าเขาเมามากกว่าครั้งที่แล้วด้วยซ้ำ
เธอคิดกับตนเองว่าฉันช่วยคุณรักษาพรหมจรรย์จนได้ คุณเป็นหนี้ฉันอีกแล้วนะ
หากเธอไม่เดินย้อนกลับเข้ามา เขาคงจะถูกนังแม่มดเฒ่านั้นกินไปแล้ว
อินอวี่โหรวถอนหายใจและตะโกนเรียกพนักงานเสิร์ฟให้มาช่วยเธอพาลู่ซีจวี๋กลับเข้าไปในรถยนต์
อินอวี่โหรวโทรศัพท์เรียกคนขับรถ โดยสั่งการให้เขาไปส่งพวกเธอที่บ้านพักหลังเล็ก ๆ ภายใต้ชื่อของเธอ
คนขับช่วยเธอพยุงลู่ซีจวี๋เข้าไปในบ้าน
หลังจากเดินขึ้นไปยังชั้นบน ลู่ซีจวี๋ก็อาเจียนใส่ อินอวี่โหรว
เธอพยายามต้านทานกลิ่นเหม็นบนร่างกายและพาเขาเข้าไปในห้องนอน
หลังจากที่คนขับรถวางลู่ซีจวี๋ลงบนเตียงแล้ว อินอวี่โหรวก็มอบเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คนขับ
เธอรอจนกระทั่งคนขับรถออกจากวิลล่าไป จากนั้นจึงเข้ามาอาบน้ำชำระร่างกาย
อินอวี่โหรวเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่และเปิดประตูเข้าไปด้านในพร้อมกับยาแก้เมาค้างและน้ำอุ่น
คราวนี้ลู่ซีจวี๋ประพฤติตนดีมาก หลังจากอินอวี่โหรวป้อนยาแก้เมาค้างให้เขา เขาก็นอนหลับสนิทอีกครั้ง
ค่ำคืนนี้จึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน