ยอดเซียนหญิงทำนายชะตา - ตอนที่ 1155 ปีศาจจิ้งจอก / ตอนที่ 1156 ขอเงินหน่อย
ตอนที่ 1155 ปีศาจจิ้งจอก / ตอนที่ 1156 ขอเงินหน่อย
ตอนที่ 1155 ปีศาจจิ้งจอก
เหมิงเยี่ยนเวลานี้ทำตัวน่ารักเรียบร้อยมาก ให้เขานั่ง เขาก็นั่งแต่โดยดี มือเขาถือขนมอยู่ชิ้นหนึ่งอย่างกับหนูตัวน้อยๆ สายตาก็มองไปรอบๆ กัดขนมกินช้าๆ เศษขนมเลอะเต็มหน้าไปหมด ท่าทางเช่นนั้นทำให้คนใจอ่อน
อย่าว่าแต่ชายชราอย่างโม่หลิงจื่อเลย เซี่ยเฉียวเองก็อดใส่ใจห่วงใยศิษย์น้องคนนี้เพิ่มขึ้นไม่ได้
“เหมิงเยี่ยนกลับมาแล้ว ราคาของเสื้อผ้าเครื่องประดับในเมืองหลวงคงจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว” จ้าวเสวียนจิ่งถอนหายใจเงียบๆ
เซี่ยเฉียวมองเขาด้วยท่าทางไม่เข้าใจ “ทำไมหรือ”
“วันหลังข้าจะพาเจ้าไปถามๆ ดูว่า มีผู้หญิงคนไหนในเมืองหลวงที่ไม่รู้จักเขาบ้าง เมื่อก่อนทุกครั้งที่เขาไปเดินตามถนน บนถนนจะเต็มไปด้วยหญิงสาวสวยแต่งตัวงดงาม” จ้าวเสวียนจิ่งพูดจบก็สั่งให้คนนำหนังสือนิยายเล่มหนึ่งเข้ามาให้ และวางลงตรงหน้าเซี่ยเฉียวก่อนจะเอ่ย “เขาเป็นคนเขียนหนังสือเล่มนี้”
“?” เซี่ยเฉียวรู้สึกงุนงงไปหมด นางรับหนังสือเล่มนั้นมาดู
จากนั้นนางก็ต้องนิ่งงันไปเล็กน้อย
‘เรื่องเล่าของสาวน้อย’?
นี่มันอะไรกัน
เซี่ยเฉียวพลิกเปิดอย่างง่ายๆ จากนั้นนางก็ต้องอึ้งไปจริงๆ หนังสือนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่ง นางไร้เดียงสาและมีชีวิตชีวา ต่อมาครอบครัวตกต่ำ แม่นางน้อยจึงจำเป็นต้องแต่งงานกับคุณชายผู้สูงศักดิ์ร่ำรวยจอมเสเพลเพื่อดูแลทุกคนในครอบครัว…
มันเป็นหนังสือนิยายรัก
หลังจากแต่งงานแล้ว
แม่นางน้อยยืนหยัดและไม่ยอมแพ้ต่อสามีจอมวางอำนาจของนาง และทำให้สามีปฏิบัติต่อนางแตกต่างออกไป หลังจากผ่านการเข้าใจผิดหลายครั้ง ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ ในที่สุดทั้งสองก็รักกันไปชั่วชีวิต…
เซี่ยเฉียวไม่อยากจะเชื่อว่าศิษย์น้องของนางจะเป็นคนเขียนนิยายเรื่องนี้
“อาจารย์ก็รู้หรือ” เซี่ยเฉียวอดถามไม่ได้
ท่านไม่ได้โกรธจนกระอักเลือดหรือ
ใช่ว่านิยายเล่มนี้ไม่ดี แต่ในยุคนี้บัณฑิตที่จริงจังไม่ค่อยที่จะเขียนนิยายกัน โดยเฉพาะการเขียนนิยายที่เป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของกุลสตรีแบบนี้
“รู้สิ” จ้าวเสวียนจิ่งมีสีหน้าลึกซึ้ง “ไม่เพียงแต่ไม่โกรธเท่านั้น ท่านยังถูกบังคับให้ซื้อถึงยี่สิบเล่ม น่าจะเอาไปรองขาโต๊ะแล้วกระมัง”
“แล้วท่านก็ซื้อด้วย?” เซี่ยเฉียวรู้สึกเหลือเชื่อ
ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่อาจารย์จะทำได้เลย?!
“ไม่ซื้อไม่ได้สิ เขารบเร้ามาก พอพบหน้าก็ถามตลอดว่าตนเองเขียนเป็นอย่างไรบ้าง ปากหวานพูดจาน่ารัก เมื่อมีไมตรีมาจะไปหักหาญน้ำใจก็ไม่ได้ แม้แต่ข้าเองก็โดนบังคับซื้อไปด้วยจำนวนหนึ่ง” จ้าวเสวียนจิ่งเองก็จนใจ
เวลานี้เซี่ยเฉียวรู้สึกนับถือศิษย์น้องของนางขึ้นมาแล้ว
เขาสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ก็นับว่าไม่เหมือนใครในใต้หล้าแล้ว
อาจารย์เข้มงวดกับการเรียนนัก จ้าวเสวียนจิ่งเองก็ควบคุมตนเองในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่นอย่างยิ่ง แต่ทำไมเขาถึงกลายเป็นข้อยกเว้นไปได้
เมื่อสบตากับเหมิงเยี่ยน เหมิงเยี่ยนก็มองนางอย่างเขินอาย รอยยิ้มของเขาหวานหยดราวกับฝนพรำในฤดูใบไม้ผลิจริงๆ เรียกง่ายๆ หวานจนทำให้คนรู้สึกเลี่ยนได้
จ้าวเสวียนจิ่งแทบอยากจะปิดตาเซี่ยเฉียวไว้
นางจะได้ไม่ถูกเจ้าปีศาจจิ้งจอกนี้ล่อลวงไป
โชคดีที่ไม่นานนัก คนตระกูลเหมิงก็ได้ข่าวและรีบมาทันที เหมิงกั๋วกงผู้นี้ก็แปลก เขาเห็นหลานชายเป็นอย่างนี้แล้ว แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย “รอดชีวิตกลับมาได้ก็ดีแล้ว ไม่ส่งข่าวกลับมาตั้งนานจนข้านึกว่าเจ้าตายอยู่ข้างนอกเสียแล้ว…”
เซี่ยเฉียวได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะสำลัก
เหมิงกั๋วกงพูดจบก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณรัชทายาทและนาง รวมถึงโม่หลิงจื่อด้วย
แต่ขณะที่เขากำลังจะพาเหมิงเยี่ยนจากไป เขาก็ร้องไห้ออกมาทันที
“ท่านปู่ น้องหญิง ข้าไม่ไป…พวกท่านไม่ต้องการข้าแล้วหรือ…” เมื่อเหมิงเยี่ยนเอ่ยปากอย่างนั้นทำให้เซี่ยเฉียวก็กลายเป็นหินไปทันที
ท่านปู่?
เซี่ยเฉียวขึงตาใส่โม่หลิงจื่อ “อาจารย์ ท่านไปเป็นท่านปู่ของเขาตั้งแต่ตอนไหน คงไม่ได้สอนอะไรเขามั่วๆ หรอกนะ?”
“ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะรู้จักเขานี่…” โม่หลิงจื่อลูบจมูกด้วยความเขินอาย “พอเขาอ้าปากได้ก็ถามข้าว่าข้าเป็นท่านพ่อของเขาหรือเปล่า ข้าจะตอบอย่างนั้นได้อย่างไร เป็นบิดาคงไม่ได้ เป็นปู่ฟังดูสบายใจกว่า…”
ตอนที่ 1156 ขอเงินหน่อย
อาจารย์เชื่อถือไม่ได้แต่ไหนแต่ไรมาอยู่แล้ว เขาสามารถพาคนเดินทางมาถึงเมืองหลวงได้ราบรื่นขนาดนี้ก็แปลว่าเหมิงเยี่ยนมีบุญมากแล้ว!
ส่วนเรื่องที่เขาจะเรียกว่าท่านปู่หรือท่านพ่อนั้นก็เป็นเรื่องรองลงไป
แต่เมื่อเห็นหน้านิ่วๆ ของเหมิงกั๋วกงปู่ตัวจริงของเขาแล้ว ถ้าหากพวกเขาไม่อธิบายอะไรเสียหน่อย เขาคงคิดว่าอาจารย์ของนางเป็นพวกลักพาตัวแน่ๆ
“สมองของคุณชายเหมิงได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เขาจึงเหมือนเด็ก อาจารย์ของข้าพาเขาเดินทางมาด้วย ทั้งสองอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานหลายเดือนจึงเกิดความผูกพันอย่างเลี่ยงไม่ได้…ในเมื่อเขาไม่อยากจะไป หรือจะให้เขาอยู่ที่นี่กับอาจารย์ของข้า แล้วให้คนจากสำนักหมองหลวงมาดูอาการให้หน่อยจะดีกว่าไหม” เซี่ยเฉียวเอ่ย
แม้เหมิงกั๋วกงจะไม่คอยยินดีเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่คิดว่ามีวิธีอื่นแล้ว
หลานชายเขาป่วยไม่น้อยจนกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว
หากเขาบังคับฝืนใจพาตัวไปก็อาจจะยิ่งกระตุ้นให้ได้รับการกระทบกระเทือน ยิ่งหากพาตัวเขาไปแล้วระหว่างทางเขาร้องไห้โวยวายจนคนอื่นเห็น แม้ว่าต่อไปเขาจะหายดีแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าวันหน้าเขาจะเอาหน้าไปไว้ไหน
“หากเช่นนั้นก็ต้องรบกวนรัชทายาทและพระชายาแล้ว” เหมิงกั๋วกงสุภาพยิ่งนัก
เดิมทีจ้าวเสวียนจิ่งไม่ยินดีที่จะให้เหมิงเยี่ยนอยู่ต่อเลย…
เจ้าเด็กนี่แพรวพราวเกินไป จะให้อยู่ที่บ้านคงไม่เหมาะสม
แต่เซี่ยเฉียวเป็นนายหญิง ในเมื่อนางเอ่ยปากแล้ว เขาก็ต้องเคารพการตัดสินใจของนาง “เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องคนกันเองทั้งนั้น เป็นการสมควรแล้ว”
เหมิงกั๋วกงใจเต้นแรง เขารู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้รัชทายาทไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ตั้งแต่เด็กรัชทายาทคงเคยคำพูดสุภาพเป็นทางการอย่างนี้แค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น เขาเปลี่ยนไปแล้ว
ดูท่าแล้ว พระชายารัชทายาทคนนี้จะเลือกมาได้ดีมากๆ…ทักษะการฝึกสามีไม่เลวเลย
เหมิงกั๋วกงเองก็ไม่ได้พบหน้าหลานชายมานานแล้ว เวลานี้เขาจึงรั้งรออยู่ที่จวนรัชทายาทต่ออีกสักระยะ และมีเรื่องอยากจะพูดกับรัชทายาทด้วยเช่นกัน เซี่ยเฉียวก็รู้งาน นางจึงพาอาจารย์ออกไปเดินเล่นในจวนรัชทายาท
ในจวนมีเรือนที่เก็บไว้ให้อาจารย์ตั้งแรกแล้ว พออาจารย์ไปเห็นที่นั่น เขาก็พึงพอใจอย่างมาก
หลังจากที่เซี่ยเฉียวแต่งงานแล้ว นางก็หาของมาประดับตกแต่งที่นี่ไว้แล้วไม่น้อย แม้ว่าจะเป็นของที่ดูหยาบคายไม่น่าสนใจ แต่ตาเฒ่าของนางชอบแบบนี้
ยกตัวอย่างเช่นมีการปลูกไม้มงคลเรียกทรัพย์ชนิดหนึ่งไว้ในเรือน
ต้นไม้เรียกทรัพย์ต้นนี้ไม่ธรรมดา มันแวววาวด้วยทองคำ มันทำจากทองคำเปลวที่เซียวเฉียวทำสั่งให้คนทำขึ้นมา แล้วผูกมันไว้กับลำต้นทีละแผ่นๆ เมื่อลมพัดมากระดาษทองก็กระพือ ดูสวยงามพร่างพราย
นอกจากนี้ยังมีถังขนาดใหญ่สองถังในลานบ้านที่เลี้ยงปลาหลี[1] สีทองเอาไว้ด้วย
ตาเฒ่าคนนี้เก็บเงินทองไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างชอบของพวกนี้ เขาไม่สามารถใช้มันได้ แต่ได้เห็นมันทุกวันก็ดีเหมือนกัน
“ข้าก็ไม่ได้มาเมืองหลวงนานหลายปีแล้ว ในเมื่อมาแล้วก็ไม่ควรที่จะอยู่แต่ในจวนไม่ออกไปไหน ศิษย์รัก การเงินข้าขัดสนเหลือเกิน ขอเงินสักสองตำลึงสิ พรุ่งนี้ข้าจะออกไปเดินเล่นข้างนอก…” โม่หลิงจื่อเอ่ยหน้าตาเฉย
ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้ไม่มีแม้แต่เงินสองตำลึง!
อย่างว่าแต่สองตำลึงเลย แต่สองอีแปะก็ยังไม่มี!
ตลอดทางมานี้เขาอาศัยความอุตสาหะและความหน้าด้านไม่รู้จักอายและพยายามอ้อนวอนขอเขากินจึงเอาชีวิตรอดมาได้!
“สองตำลึง?” เซี่ยเฉียวมองเขาอย่างรู้เท่านั้น “เงินกินข้าวของท่านก็ไม่มีแล้ว? ท่านจะไปตั้งตัวใหม่หรือ”
โม่หลิงจื่อพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ข้าก็มาถึงที่นี่แล้ว ถ้าหากพบเจอคนรู้จักในอดีตเข้า จะให้บอกคนอื่นว่า วันทั้งวันข้านั่งอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร รอให้ศิษย์เลี้ยงดูอย่างเดียวก็คงไม่ดี ข้าคิดดูแล้วว่า ข้าจะไปทำป้ายดูดวงมาและตั้งแผงขึ้นแถวๆ ประตูเมืองทำนายดวงชะตาให้คนที่ผ่านไปผ่านมา”
โม่หลิงจื่อรู้สึกภูมิใจมากจริงๆ
เขาสามารถเลี้ยงดูเด็กทารกที่เหมือนลูกแมวในมือของเขาตอนนั้นให้ยังมีชีวิตรอดได้ แถมยังยอดเยี่ยมเก่งกาจขนาดนี้!
ลูกศิษย์ของเขาโตขนาดนี้แล้ว เขาจะมาหลบๆ ซ่อนๆ ทำไม ถึงอย่างไรก็ต้องออกไปพบพวกนักพรตในวัดใหญ่ๆ พวกนั้นอวดโม้เสียหน่อย
[1] ปลาหลี ปลาคาร์ป