ยอดเซียนหญิงทำนายชะตา - ตอนที่ 1009 กิจการ / ตอนที่ 1010 บาปกรรมจริงๆ
ตอนที่ 1009 กิจการ / ตอนที่ 1010 บาปกรรมจริงๆ
ตอนที่ 1009 กิจการ
กลิ่นอายที่นางรู้สึกสัมผัสได้และเสียงที่นางได้ยินไม่เข้ากับฉากอันสงบสุขที่เห็นอยู่ต่อหน้าของนางเลย นางจึงได้คิดที่จะมองหาค่ายกลรอบๆ ขึ้นมาเท่านั้น
หากไม่มีดวงตาวิเศษ นางจะต้องพลาดมันไปแน่นอน
“ข้าน้อยรู้จักบ้านหลังนี้” จู่ๆ องครักษ์คนหนึ่งก็เอ่ยขึ้น “ข้าน้อยมีญาติอยู่แถวนี้ บ้านหลังนี้ว่างเปล่าไม่มีคนอาศัยมาตลอด ได้ยินมาว่าเพราะมีวิญญาณก่อกวน”
พอองครักษ์ผู้นั้นเห็นว่ารัชทายาทและปรมาจารย์จับจ้องตนเอง เขาก็รีบอธิบายต่อทันที
“เจ้าของบ้านหลังนี้ไม่มีศีลธรรมประจำใจ กล่าวกันว่าเขาเป็นผู้ชายที่มักมากในกาม ตอนที่เขามีชีวิตอยู่ก็แอบมัดตัวผู้หญิงคนหนึ่งกลับมาไว้ที่บ้านและทำให้นางตาย ครอบครัวของผู้หญิงคนนั้นก็มาหาถึงบ้าน แต่ชายผู้นั้นไร้ความสามารถ เขาผลักภรรยาตนเองออกไปรับหน้าแทน ภรรยาของเขาถูกพวกที่มาโวยวายและคนที่มายืนมุงดูรุมล้อมผลักดันไปมาจนนางแท้งลูก ผู้เป็นภรรยาเสียใจและอับอายจนฆ่าตัวตายในที่สุด”
“ต่อมา ชายผู้นั้นก็ดื่มเหล้าจนตาย บิดามารดาของเขาก็ป่วยตายไปตามๆ กัน บ่าวรับใช้บ้างก็ตาย บ้างก็หนีไป คนในตระกูลก็ขายบ้านหลังนี้ แต่หลังจากที่ผู้ซื้อย้ายเข้ามาก็มีเรื่องเกิดขึ้นและมีข่าวลือมากมาย ลือกันว่าบ้านหลังนี้ไม่สะอาด”
“แต่เรื่องนี้ผ่านมานานหลายปีแล้ว บ้านผ่านมาหลายมือ คนซื้อถือไว้ไม่เกินครึ่งปี แล้วก็ต้องขายออก ตอนนี้ให้ขายถูกอย่างไรก็ยังไม่มีใครกล้าซื้อ กลายเป็นบ้านผีสิงชื่อดังแห่งยุคนี้ไปแล้ว”
องครักษ์รู้มากทีเดียว
อันที่จริง…เดิมทีเขาเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับพวกนี้
แต่เป็นเพราะเขาพบปรมาจารย์มาบ่อยเกินไปก็เลยสนใจเรื่องแบบนี้ พอได้ยินว่ามีบ้านผีสิงอยู่ใกล้ๆ จึงได้ถามญาติๆเพิ่มเติม
“ทำเลที่ตั้งของบ้านหลังนี้ก็ไม่เลว แถมราคาก็ถูกมากด้วย ดังนั้น…ข้าน้อยก็เลยคิดว่าจะซื้อบ้านหลังนี้แต่แรก จากนั้นก็ค่อยเชิญท่านปรมาจารย์มาทำพิธีขับไล่วิญญาณชั่วร้าย หากไม่มีปัญหา ต่อไปข้าก็จะได้มาอยู่อาศัยที่นี่…” องครักษ์ยิ้มเขินๆ
“เป็นความคิดที่ดี ได้สิ” เซี่ยเฉียวพยักหน้า
องครักษ์ดีใจทันที “ท่านปรมาจารย์จะรับงานนี้หรือ! แม้ว่าข้าจะมีความคิดเช่นนั้น แต่ก็กังวลว่าจะเป็นการรบกวนท่านอาจารย์จึงได้ไม่กล้าเอ่ยปากมาตลอด!”
“เจ้าจะให้เงินข้าไม่ใช่หรือ หากอย่างนั้นก็ย่อมได้” เซี่ยเฉียวเอ่ยอย่างเป็นเรื่องธรรมชาติ จากนั้นก็มีท่าทางจริงจัง “ข้าขาดเงินมาก พวกเจ้าที่เหลือก็เหมือนกัน สามารถอาศัยช่องว่างเช่นนี้ได้…หากพวกเจ้าเชิญข้าไปทำพิธี ข้าจะลดราคาให้พวกเจ้าด้วย”
องครักษ์ได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ
เขามองรัชทายาทอย่างมีความหวัง
ภูมิหลังครอบครัวของเขาก็ไม่เลวอะไร แต่เขามีพี่น้องในครอบครัวด้วย และเขาก็ไม่ใช่ลูกชายคนโต ถึงอย่างไรเขาก็ต้องแยกตัวออกมาไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นเขาจึงมองหาบ้านที่เหมาะสมมาตลอด…
หลายปีที่เขาติดตามรัชทายาทมานี้ เขาก็มีเงินเก็บส่วนตัวอยู่ไม่น้อย แต่บ้านในเมืองหลวงราคาแพง…
บ้านข้างๆ ที่ไม่มีปัญหาในขนาดเท่าๆ กันซื้อขายกันในราคาถึงหนึ่งหมื่นแปดพันตำลึงเลยทีเดียว!
แต่หลังนี้ใช้เงินเพียงเจ็ดแปดพันตำลึงเท่านั้น!
ราคานี้ถูกแค่ไหน มันเกือบจะเหมือนกับการให้เปล่าแล้ว!
“ไปเถอะ” จ้าวเสวียนจิ่งค่อนข้างใจกว้างกับองครักษ์ เขารู้ว่าตอนนี้องครักษ์ผู้นี้อยากจะไปพบนายหน้าเพื่อจัดการเรื่องซื้อขายให้เสร็จๆ ไปก่อนที่เซี่ยเฉียวจะทำพิธีขับไล่ความโชคร้าย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ห้าม
“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ดีใจมาก “ท่านปรมาจารย์ บ้านหลังนี้ถูกกำหนดให้เป็นของข้าแล้ว ข้าจะให้เงินมัดจำเพื่อพิธีแก่ท่านก่อนเลย!”
เขาพูดจบก็ยัดตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงใส่มือเซี่ยเฉียว จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันที
องครักษ์คนอื่นๆ ต่างก็พากันอิจฉา
“เจ้าเด็กนี่วิ่งเสียเร็วเลย คงจะไม่ได้กลัวว่าพวกเราพี่น้องจะแย่งบ้านกับเขาหรอกนะ!?”
“ข้าไม่รู้ว่ายังมีที่ดีๆ แบบนี้ด้วย หากข้ารู้เรื่องนี้ก่อนเขาก็จะซื้อมันไว้แน่นอน พี่น้องก็ส่วนพี่น้องเถอะ บ้านก็ส่วนบ้าน ข้าจะไม่ยอมแพ้แน่! น่าเสียดายที่ข้าไม่มีวาสนากับบ้านหลังใหญ่เช่นนี้แล้ว!”
พูดแล้วทุกคนก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
พวกเขาอิจฉาจริงๆ แต่ก็มีความสุขมากด้วย ถึงอย่างไรด้วยคำพูดของปรมาจารย์แล้ว ต่อไปพวกเขาก็สามารถมองหาบ้านแบบนี้และหาประโยชน์จากมันได้
ตอนที่ 1010 บาปกรรมจริงๆ
เซี่ยเฉียวยิ้มไม่ออกแล้วในเวลานี้ นางจ้องมองบ้านที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางที่เคร่งขรึมเป็นพิเศษ
จ้าวเสวียนจิ่งเองก็เห็นว่าสีหน้าของนางไม่ค่อยดี เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “ก็แค่บ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง แม้ว่าจะมีนักพรตที่เก่งกาจอยู่ที่นี่ แต่ก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น ข้าสั่งให้คนไปจัดกำลังสักชุดมาจับตัวเขาก็ไม่ได้ยากอะไร”
“มันไม่ยาก” เซี่ยเฉียวยอมรับ “หากเจ้าโจมตีด้วยความได้เปรียบทางจำนวน วิชามารนั้นก็ไม่นับว่าทรงพลังนัก แต่สถานที่แห่งนี้เป็นบ้านผีสิง มีความเป็นไปได้มากว่าคนที่เข้าไปจะต้องเกิดเรื่อง ต่อให้จับคนออกมาได้ แต่ก็จะต้องเอาอะไรไปแลกมา”
อาจจะเป็นพลังหยางหรือไม่ก็ชีวิต
บางทีพวกเขาทั้งหมดอาจเอาชีวิตรอดออกมาได้ แต่บางครั้งอันตรายก็มองไม่เห็น
หากพวกเขาแปดเปื้อนด้วยพลังชั่วร้าย ที่เลวร้ายที่สุดคือมันสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของคนๆ หนึ่งได้เลย
องครักษ์มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งก็จริง แต่ก็มีควรจะสละชีวิตโดยเปล่าประโยชน์
จ้าวเสวียนจิ่งสนิทสนมกับองครักษ์เหล่านี้มาตลอด เมื่อเขาได้ยินที่นางพูดจึงไม่ยืนกรานเช่นนั้นอีกต่อไป “ตอนนี้จะต้องทำอย่างไร”
“ตอนนี้เรายังไม่รู้สถานการณ์ในบ้านหลังนี้ แต่ข้าคิดว่า หากวิญญาณที่ข้าตามหาเกี่ยวข้องกับวั่นจิ่วเหลยผู้นี้ด้วย ข้าก็น่าจะรับมือกับมันคนเดียวไม่ได้ ไม่สู้…ไปตามผู้วิเศษจากวัดอวี้ซวีมาช่วยด้วยดีกว่า” เซี่ยเฉียวเอ่ยอย่างถ่อมตัว
นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวสวียนจิ่งได้ยินเซี่ยเฉียวพูดอะไรแบบนี้!
ก่อนหน้านี้แม้ว่านางจะเห็นสถานการณ์ที่รับมือไม่ง่าย แต่นางก็ยังกัดฟันพุ่งไปข้างหน้าเสมอ!
“วัดอวี้ซวีอยู่ไม่ไกลจากนอกเมืองเท่าไรนัก ข้าจะให้คนไปเชิญมา เพียงแต่ตอนนี้ก็ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว วันนี้เรากลับไปก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยวางแผนมาใหม่ดีไหม ส่วนข้างนอกท่านก็ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะให้คนมาคอยจับตาดูไว้ แมลงวันสักตัวก็บินออกไปไม่ได้” จ้าวเสวียนจิ่งมองที่ดวงตาทั้งคู่ของนางแล้วก็รู้สึกสงสาร
ความเหนื่อยล้าในดวงตาของนางไม่สามารถปกปิดได้เลย
ช่วงนี้นางน่าจะพักผ่อนไม่เพียงพอ
“ตกลง เจ้าส่งคนตามข้าไปที่หอส่องชะตาด้วย ให้เขานำยันต์กลับมาและแจกจ่ายให้ทุกคน ขอเพียงไม่เข้าไปข้างในก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่” เซี่ยเฉียวครุ่นคิดและรู้สึกละอายมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นนักพรตคนหนึ่ง องครักษ์เหล่านี้ช่วยเหลือนางอย่างเต็มที่แต่นางก็ไม่มีของขวัญขอบคุณให้…
กระเป๋าเงินของนาง…ไม่ได้หนา
องครักษ์เหล่านี้บ้างมาจากครอบครัวที่ยากจน บ้างก็เป็นลูกขุนนาง เงินเดือนเบี้ยหวัดของพวกเขาก็ค่อนข้างสูง ดังนั้นนางจึงกลัวว่าพวกเขาจะไม่เห็นคุณค่าของผลประโยชน์ที่นางมอบให้
“หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ข้าจะถักพู่คุ้มครองให้ปลอดภัยให้พวกเขาก็แล้วกัน!” เซี่ยเฉียวครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
สามารถเอาไปห้อยไว้กับกระบี่และดาบได้ บางทีมันอาจจะช่วยคุ้มครองชีวิตให้พวกเขาในยามคับขันได้
จ้าวเสวียนจิ่งชะงักไปเล็กน้อย จิตใต้สำนึกของเขาต้องการที่จะปฏิเสธ เพราะถึงอย่างนี่เป็นงานที่ต้องใช้แรงกายแรงใจมาก นางจะต้องลำบากลำบนอย่างนั้นไปทำไม
แต่ในที่สุดก็เขาก็ยิ้มรับ “เช่นนั้นก็ลำบากศิษย์พี่แล้ว”
“แต่คงต้องรออีกสักพัก ช่วงนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องทำหลายอย่าง ไม่สามารถถักเสร็จได้ในเวลาสั้นๆ” สีหน้าเซี่ยเฉียวสง่างาม
“แล้วแต่ศิษย์พี่ใหญ่เลย” จ้าวเสวียนจิ่งอยากจะให้นางกลับไปพักผ่อนเร็วๆ แล้ว
กระทั่งว่าตอนนี้เขานึกถึงตนเองในอดีตที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เซี่ยเฉียวแกะสลักของขวัญให้เขาขึ้นมาก็รู้สึกว่าเขาทำบาปทำกรรมไปแล้ว
คืนนั้นจ้าวเสวียนจิ่งก็ส่งคนไปเชิญคนจากวัดอวี้ซวีมา
เมื่อหยวนฉังจื่อได้ยินว่าเป็นคำเชิญของปรมาจารย์โม่ เขาก็เดินทางออกจากวัดทันทีโดยไม่ลังเล ไม่เพียงแค่นั้น พอเขาได้ยินว่ามีพวกสายมารมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เขาก็รู้สึกหนักใจจนต้องพาพี่น้องอีกสามคนเดินทางไปด้วยกัน
“ในเมืองหลวงแห่งนี้ไม่ปรากฏเรื่องสายมารร้ายแรงมากว่ายี่สิบปีแล้วกระมัง” หยวนฉังจื่อพูดคุยกับพี่น้องของเขาหลังจากเข้าเมืองมานั่งพักอยู่ในโรงเตี๊ยมแล้ว