ยอดเซียนหญิงทำนายชะตา - ตอนที่ 1011 โม่ชูเซิงที่พื้นๆ ไม่มีอะไรพิเศษ / ตอนที่ 1012 ความสามารถของบรรพบุรุษ
- Home
- All Mangas
- ยอดเซียนหญิงทำนายชะตา
- ตอนที่ 1011 โม่ชูเซิงที่พื้นๆ ไม่มีอะไรพิเศษ / ตอนที่ 1012 ความสามารถของบรรพบุรุษ
ตอนที่ 1011 โม่ชูเซิงที่พื้นๆ ไม่มีอะไรพิเศษ / ตอนที่ 1012 ความสามารถของบรรพบุรุษ
ตอนที่ 1011 โม่ชูเซิงที่พื้นๆ ไม่มีอะไรพิเศษ
ยี่สิบกว่าปีก่อนนักบวชและนักพรตที่มีตบะแก่กล้ายังมีจำนวนค่อนข้างมาก
ตอนนั้นทุกๆ สามถึงห้าปีจะมีการชุมนุมเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง นักพรตจากที่ต่างๆ จะมารวมตัวกันในที่ใดที่หนึ่งเพื่อแข่งขันลูกศิษย์ แข่งขันตนเอง และความนิยม
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายธรรมะมีจำนวนมากก็จริง แต่สายมารก็มีไม่น้อยเช่นกัน
หนึ่งในนั้นมีคนที่น่ากลัวที่สุดอยู่คนหนึ่ง
วิถีเต๋าของคนผู้นั้นลึกล้ำสูงส่ง เดิมทีเขาก็เกิดมาจากสายธรรมะ ยันต์ที่เขาวาดทรงพลังมาก การใช้ค่ายกลก็เป็นธรรมชาติยิ่งนัก โชคลาภของตัวเขาเองก็ไม่ได้น้อยเลย เพียงแต่เขาแสวงหาวิถีเต๋าสูงสุดมากเกินไป และมักจะรู้สึกว่าตราบเท่าที่เขาแสวงหาวิถีเต๋าอย่างจริงใจ วันหนึ่งเขาจะสามารถทะยานขึ้นสู่สวรรค์ได้ตอนกลางวันและกลายเป็นเทพเซียนผู้วิเศษได้จริงๆ!
อย่างไรก็ตาม คนฉลาดบางคนรู้ว่าแม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจธาตุทั้งห้า แต่พวกเขายังเคารพเทพและเซียนใต้หล้า แม้แต่การยืมพลังของเทพเซียนตอนที่วาดยันต์ ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็เป็นเพียงมนุษย์เท่านั้น ความเป็นอมตะไม่มีอะไรมากไปกว่าความปรารถนาที่ไม่มีจริงเท่านั้น
แต่ชายผู้นั้นไม่เคยเชื่อเลย
เมื่อไม่สามารถแสวงหาความเป็นอมตะในทางธรรมะได้ เขาก็ไปทางสายมารแทน
เพราะเหตุนี้เขาจึงทำให้สหายเต๋าหลายคนต้องตาย กระทั่งอาจกล่าวได้ว่าครึ่งหนึ่งของนักพรตที่มีชื่อเสียงเป็นรู้จักกันดีในเวลานั้นต้องจากไปก่อนเวลาอันควรเพราะพ่ายแพ้ในการต่อสู้แข่งขันอาคม
แน่นอนว่าชายผู้นั้นก็จบไม่สวยเช่นกัน
แม้จะผ่านไปหลายปีแล้ว หยวนฉังจื่อและคนอื่นๆ ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้ยินคำว่า ‘สายมาร’
“พวกเจ้าเคยพบโม่ชูเซิงผู้นี้มาก่อนหรือไม่ นางเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับโม่หลิงจื่อ ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าโม่หลิงจื่อเลย อีกอย่าง นางยังรู้แจ้งหยินหยางมาตั้งแต่เกิดด้วย หากนับความสามารถที่ติดตัวมาแต่กำเนิดนี้ด้วยแล้ว นางก็ถือมีความสามารถมากกว่าโม่หลิงจื่อเสียอีก แม้แต่นางเองยังบอกว่าตนเองเอาไม่อยู่ เกรงว่านักพรตสายมารคนนั้นต้องร้ายกาจพอดู!” หยวนฉังจื่อดื่มน้ำชาด้วยความรู้สึกหนักใจ
พี่น้องของเขากลับไม่เชื่อ “ตอนนั้นโม่หลิงจื่อก็ไม่เคยพูดว่าตนเองมีศิษย์น้องหญิงกับเขาคนหนึ่งด้วยนี่? นางมาจากวัดสุ่ยเย่ว์จริงหรือ”
“จริงแท้แน่นอน!” หยวนฉังจื่อยืนยันหนักแน่น
เซี่ยเฉียวเองก็มาตามเวลานัดหมาย
ทันทีที่นางปรากฏตัวขึ้น หยวนฉังจื่อก็รีบลุกขึ้นทันที “ปรมาจารย์โม่!”
พี่น้องของเขาอีกสามคนต่างก็มองไปด้วยสีหน้าอึ้งงัน
นี่คือโม่ชูเซิงที่หยวนฉังจื่อบอกว่า…ทางเต๋าสูงส่ง มากความสามารถคนนั้น? นางดู…เบาเหมือนสายน้ำ และไม่ได้ดูมีมาดอะไร อย่างมากก็เฉยเมยและสง่างามเล็กน้อย ที่เหลือก็ไม่ต่างจากพรตคนอื่นเท่าไรเลยนี่
พอมองโหงวเฮ้ง…
ก็พื้นๆ ไม่มีอะไรพิเศษ!
แต่ในหมู่พวกเขายังมีอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์พี่ของหยวนฉังจื่อ เขามีสมญานามว่ากว่างหลุน เขามองแวบแรกก็รู้สึกว่ากระดูกและโหงวเฮ้งของหญิงสาวไม่ถูกต้อง และนางน่าเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์
เขาก็ไม่ได้ถาม
“ลำบากท่านนักพรตแล้ว” เซี่ยเฉียวก้าวเข้าไป นางทั้งสุภาพและให้ความเคารพเป็นพิเศษ “จุดประสงค์หลักๆ ที่วันนี้ข้าเชิญพวกท่านมาก็คือเรื่องสายมาร ข้าเพิ่งจะมาเมืองหลวงได้ไม่นาน จึงไม่ทราบว่าในเมืองหลวงแห่งนี้มีกติกามารยาทอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ควรจะจัดการกับพวกสายมารนี้อย่างไร ข้าก็เลยอยากจะขอคำชี้แนะสักหน่อย…หากได้เรื่องกระจ่างแจ้งแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็จะได้มีความมั่นใจ”
ประเทศมีกฎหมาย บ้านมีกฎบ้าน แม้แต่ในกลุ่มชาติพันธุ์ก็มีกฎของตนเอง
ดังนั้นในหมู่นักพรตก็น่าจะมีกฎเกณฑ์ไม่ต่างอะไรกับที่บ้านเมืองมีกฎหมาย เพียงแต่นางไม่มีประสบการณ์จึงไม่รู้
“หมอดูคนทรงธรรมดาส่วนใหญ่ทางการจะเป็นคนจัดการ หากนักพรตใช้วิชาต้องห้ามบางอย่าง โดยปกติแล้วผู้อาวุโสจะออกหน้าจัดการทำลายตบะเพื่อไม่ให้ไปทำร้ายผู้อื่นได้อีก” หยวนฉังจื่อเอ่ยทันที
วิชาต้องห้ามเหล่านี้ส่วนใหญ่มีผลค่อนข้างรุนแรง
เช่น เลี้ยงหุ่นเชิดชั่วร้าย ใช้วิญญาณแค้นฆ่าคนเป็น…
หรืออย่างเช่น การใช้เลือดของผู้หญิงหรือเด็กเป็นเครื่องสังเวย…
ในกรณีเช่นนี้ วัดเต๋าที่มีชื่อเสียงอย่างวัดอวี้ซวีก็จะเพิกเฉยไม่ได้ แม้ว่าเรื่องชั่วร้ายนั้นจะเป็นการกระทำของพวกสายมาร แต่ตราบใดที่เรื่องนี้เป็นที่ล่วงรู้ลือกันออกไปแพร่หลาย มันก็จะกลายเป็นความอัปยศต่อลัทธิเต๋าทั้งหมด
เพียงแต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีพวกสายมารไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าก่อเรื่อง แม้แต่พวกที่ใช้วิชาต้องห้าม โดยทั่วไปแล้วก็ไม่ใช่วิชาที่เป็นอันตรายมากนัก
ตอนที่ 1012 ความสามารถของบรรพบุรุษ
ส่วนการทำลายตบะนั้นเป็นความสามารถอีกแบบหนึ่ง
หลังจากที่เซี่ยเฉียวมีความเข้าใจคร่าวๆ แล้ว นางก็เอ่ย “คาดว่าทุกท่านน่าจะได้ยินได้ฟังเรื่องราวมาบ้างแล้วเมื่อวานนี้ หากพวกท่านสะดวก วันนี้พวกเราเข้าไปดูบ้านหลังนั้นด้วยกันดีหรือไม่”
“แน่นอน” หยวนฉังจื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฉียวจ่ายเงินและสั่งให้เสี่ยวเอ้อยกอาหารดีๆ มาให้ และหลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว พวกเขาก็ไปที่บ้านหลังนั้นด้วยกัน
องครักษ์ของจ้าวเสวียนจิ่งได้ซื้อบ้านหลังนั้นไว้แล้ว และตอนนี้เขาก็กำลังรออยู่นอกบ้านด้วยความคาดหวัง
จ้าวเสวียนจิ่งเองก็อยู่ที่นั่น
ทั้งสี่คนนั้นตกใจทันทีเมื่อเห็นจ้าวเสวียนจิ่ง ท่าทางของพวกเขาเปลี่ยนเป็นเคารพนบนอบขึ้นมาไม่น้อยเลย
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยพบผู้สูงศักดิ์ผู้นี้มาก่อน ตอนนั้นพวกเขายังป้ายน้ำตาเทียมให้คนผู้นี้ด้วย และไม่ว่าจะเป็นตอนนั้นหรือตอนนี้ พวกเขาก็ยังสามารถมองออกได้ว่าคนผู้นี้สูงส่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นักพรตกว่างหลุนยังถึงขนาดมองเห็นกลิ่นอายของจักรพรรดิจากคนผู้นี้ด้วย เขาจึงยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้นไปอีก
“ข้าจะเข้าไปกับท่านด้วย” จ้าวเสวียนจิ่งบอกหลังจากที่เขาเข้ามาใกล้
เซี่ยเฉียวพยักหน้า “ตกลง เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก็แล้วกัน”
“…” นักพรตกว่างหลุนใจเต้นกระตุกทันที
หยวนฉังจื่อเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ไม่ ไม่ดีหรอกกระมัง ข้างในนั้นไม่รู้ว่าอันตรายอยู่บ้าง และคุณชายผู้นี้ก็ไม่ใช่ผู้นับถือเต๋าอย่างพวกเรา หากมีอะไรเกิดขึ้น…”
มือของจ้าวเสวียนจิ่งปัดผ่านช่วงเอวของตนเอง
หยวนฉังจื่อหันไปมองโดยสัญชาตญาณแล้วก็ต้องอึ้งไป
เขา…รวยจริง
เซี่ยเฉียวเองก็เห็นเช่นกัน
มีสิ่งของมากมายห้อยแขวนอยู่ที่เอวของเขา รวมถึงยันต์สีเหลืองที่นางเคยมอบให้ ยังมี…อาวุธวิเศษจำนวนหนึ่งและกระบี่ไม้ท้อที่นางมอบให้ นอกจากนี้ ยังมีจี้โบราณราคาแพงอีกสองชิ้นที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนอีกด้วย
เมื่อเขาเห็นดวงตาที่ร้อนแรงของเซี่ยเฉียว จ้าวเสวียนจิ่งก็ยิ้มพลางเอ่ย “ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เมื่อคืนข้าไปค้นในคลังส่วนตัวของบิดาทั้งคืนจึงได้พบเครื่องรางปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายสองชิ้นนี้ น่าจะพอใช้ได้กระมัง”
ในขณะที่พูดเขาก็ปลดชิ้นหนึ่งออกและเอามันมาแขวนไว้รอบเอวของเซี่ยเฉียวแทน
ชิ้นที่ห้อยอยู่ที่เอวของจ้าวเสวียนจิ่งคือป้ายหยกมังกรเหลือง
ชิ้นที่ให้เซี่ยเฉียวเป็นหยกยันต์แปดทิศทรงกลม
จริงๆ เลย…ทั้งหมดเป็นของดี มันดีเสียจนเซี่ยเฉียวต้องมองตาค้าง “บ้านเจ้า…ช่างร่ำรวยเสียจริง”
“ก็แค่ความสามารถของบรรพบุรุษเท่านั้น” คำพูดของจ้าวเสวียนจิ่งฟังดูสงบเสงี่ยมเจียมตน แต่ดวงตาของนักพรตทั้งห้ารวมทั้งเซี่ยเฉียวต่างก็แดงก่ำเล็กน้อย
บรรพบุรุษของพวกเขา…ไม่มีความสามารถนี่?
ป้ายหยกสองชิ้นนี้ไม่ใช่อาวุธวิเศษ แต่มีความสามารถในการสะกดควบคุมพลังชั่วร้ายโดยธรรมชาติ หนึ่งคือ เพราะหยกทั้งสองชิ้นนี้เป็นหยกโบราณที่มีประวัติอันยาวนานและสั่งสมโชคลาภอันมั่งคั่ง นอกจากนี้ก็เป็นเพราะของเล่นสองชิ้นนี้เป็นของที่ฮ่องเต้หลายพระองค์เคยเล่นมันมาก่อน…
“ในเมื่อมีของสิ่งนี้ปกป้องคุ้มครองอยู่แล้ว ก็น่าจะ…รักษาชีวิตไว้ได้” เหล่านักพรตเอ่ยด้วยความอิจฉา
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ” จ้าวเสวียนจิ่งยังดูกล้าหาญกว่านักพรตพวกนี้มาก
หยวนฉังจื่อรู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตอนนี้ตนเองดูเหมือนลิ่วล้อมากกว่า ผู้สูงศักดิ์คนนี้หน้าตาท่าทางมั่นใจราวกับว่าเขาสามารถจับวิญญาณได้มากกว่าพวกเขาเสียอีก
เขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร และเดินเข้าไปข้างในแต่โดยดี
พอเข้าไปในบ้านแล้วพวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันแตกต่างออกไป
วันนี้พวกเขามาแต่เช้า เดิมทีก็เป็นเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเขาเข้าไปแล้วก็รู้สึกว่า ภาพฉากตอนที่พวกเขาคุยกันข้างนอกเมื่อครู่นี้เหมือนความฝัน…
เหมือนราตรีอยู่เบื้องหน้า บ้านเรือนไม้ทรุดโทรมแห้งเหี่ยว กระทั่งยังดูรุ่งเรืองงดงามมาก
“ภาพฉากนี้…ไม่ถูกต้อง วิญญาณแค้นที่อยู่ที่นี่ไม่ธรรมดาเลย มันสามารถลากพวกเราทุกคนเข้าสู่ภาพลวงตาได้ในทันที!” นักพรตกว่างหลุนเองก็รู้สึกเหลือเชื่อ