ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน[农家小财主] - ตอนที่ 468 จวนตระกูลจาง
ตอนที่ 468 จวนตระกูลจาง
ตอนที่ 468 จวนตระกูลจาง
เมืองหลวงเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองเสียจนมณฑลอันผิงเทียบไม่ติด ถนนแต่ละสายกว้างขวาง ร้านค้ามากมายตั้งเรียงรายสองข้างทาง ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีฉูดฉาด บางครั้งก็มีรถม้าและเกวียนเคลื่อนผ่าน นอกจากนี้เหล่าหญิงสาวล้วนผัดแป้งบนใบหน้าจนขาวผ่อง พวกนางจับมือกันและพูดคุยไปพลาง หัวเราะไปพลาง
หยุนเชวี่ยชะโงกหน้าออกมานอกหน้าต่าง ดวงตาเปล่งประกายแวววับ เสียงผู้คนพูดคุยดังเซ็งแซ่ บริเวณข้างทางมีนักแสดงป่าหี่คนหนึ่งกำลังทำการแสดงพ่นไฟ ทันใดนั้นผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ ก็ส่งเสียงโห่ร้องชอบใจ
“มีชีวิตชีวายิ่งนัก” หยุนเชวี่ยอุทาน
“คราที่ตระกูลจางมาเจรจาเรื่องการแต่งงาน พวกเขาไม่ได้บอกว่าจวนตั้งอยู่บนถนนเส้นใด” หยุนลี่เต๋อกล่าว “เจ้าอยู่แต่ในนี้ล่ะ พ่อจะลงไปถามคนแถวนี้เอง”
หยุนเชวี่ยอยากลงจากรถม้าและเดินชมความตื่นตาตื่นใจ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีเวลาเหลือพอ หากต้องการกลับไปให้ทันวันตายวันที่ยี่สิบเอ็ดของผู้เฒ่า พวกนางจะต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ ฉะนั้นทั้งสองจึงต้องหาหยุนชิ่วเอ๋อให้พบโดยเร็วที่สุด
หยุนลี่เต๋อลงจากรถม้าและสอบถามชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ เมื่อกลับมาถึงรถม้า เขาก็มีท่าทีกังวลเล็กน้อย จากนั้นปาดเหงื่อบนหน้าผากพลางกล่าวว่า “เมืองนี้กว้างขวางเกินไป อีกทั้งตระกูลจางยังมีมากมาย”
“มีเท่าไรหรือเจ้าคะ?” หยุนเชวี่ยหันมองรอบกาย “ที่นี่ใหญ่กว่ามณฑลของเราไม่น้อย แล้วเราจะหานางได้จากที่ใด?”
“คงต้องสอบถามทีละตระกูล” หยุนลี่เต๋อขมวดคิ้วพร้อมถอนหายใจยาว “เจ้าคงหิวแย่แล้ว เราพักกินอาหารร้อน ๆ กันก่อนเถอะ พ่อผิดเองที่เร่งรีบเกินไปจึงไม่เอ่ยถามเจ้าก่อนจะออกเดินทาง”
หยุนเชวี่ยพยักหน้าก่อนกระโดดลงจากรถม้า พ่อ ลูกสาว และคนขับรถม้าเข้าไปสั่งอาหารในร้านอาหารขนาดเล็กใกล้กับที่พักรถม้า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาหลังอาหารเย็น ผู้คนในร้านจึงบางตา หยุนลี่เต๋อฉวยโอกาสที่เสี่ยวเอ้อนำมาอาหารมาวางไว้บนโต๊ะสอบถามเขาอีกครั้ง
“ตระกูลจาง? ในเมืองนี้มีตระกูลจางอยู่มากมาย แต่จะว่าไปแล้วก็จะมีตระกูลจางที่มีอิทธิพลอยู่สามตระกูล ตระกูลแรกอาศัยอยู่ทางทิศใต้ และอีกสองตระกูลอาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกใกล้กับย่านคนรวย ค้นหาง่ายยิ่งนัก เพียงท่านเดินทางไปตามถนนเส้นนี้ก็จะเจอ” เสี่ยวเอ้อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หยุนลี่เต๋อกล่าวคำขอบคุณ คนทั้งสามรีบรับประทานอาหารก่อนมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว จวนของตระกูลจางทั้งสองแห่งตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่คนรับใช้ของทั้งสองตระกูลปฏิเสธว่าไม่มีนายหญิงที่เดินทางมาจากต่างถิ่นอาศัยอยู่ที่นี่
“เช่นนั้นข้าขอถามน้องชายอีกครั้งว่านายน้อยตระกูลจางคนใดเพิ่งแต่งงานเมื่อปีที่แล้ว?” หยุนลี่เต๋อเอ่ยถาม
คนรับใช้ผู้นั้นชะงักไปชั่วครู่ก่อนส่ายหน้า
หยุนเชวี่ยยืนอยู่ข้างหลังของหยุนลี่เต๋อยื่นมือออกมากระตุกเสื้อของบิดาไว้ราวกับต้องการบอกบางอย่าง หยุนลี่เต๋อพลันล้วงเหรียญทองแดงราวสิบเหรียญออกมาจากแขนเสื้อก่อนส่งให้เด็กรับใช้
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอคิดสักครู่” เด็กหนุ่มมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดสนใจตน เขาจึงรีบยัดเหรียญไว้ในผ้าคาดเอวพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อปีที่แล้วนายท่านจางที่อยู่ทางทิศตะวันตกแต่งอนุภรรยาเพื่อปัดเป่าความชั่วร้าย ข้าไม่แน่ใจว่าใช่คนที่ท่านตามหาหรือไม่”
“แต่งอนุภรรยาเพื่อปัดเป่าความชั่วร้าย?” หยุนลี่เต๋ออึ้งงันก่อนส่ายศีรษะ “เช่นนั้นคงมิใช่นาง”
หยุนชิ่วเอ๋อแต่งงานกับตระกูลจางผู้ร่ำรวย ไม่มีผู้ใดยินดีจ่ายค่าสินสอดห้าร้อยตำลึงเพื่อแต่งอนุภรรยากระมัง? คงไม่ใช่นางหรอก ไม่ใช่นางแน่นอน…
“หากไม่ใช่ ข้าก็ไม่รู้แล้ว” เด็กรับใช้โบกมือ “ท่านทั้งสองลองไปสอบถามที่อื่นเถิด” สิ้นคำ เขาก็ปิดประตูจวนทันที
“เฮ้อ…” หยุนลี่เต๋อถอนหายใจพลางลูบศีรษะของหยุนเชวี่ย “เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมเล่า พ่อจะไปตามหาอาชิ่วเอ๋อของเจ้าเอง” หลังจากพูดจบ ยังไม่ทันที่บุตรสาวจะกล่าวตอบ เขาก็รู้สึกว่าไม่สมควรกล่าวเช่นนั้นออกไป “ช่างเถอะ เมืองหลวงมีคนมากหน้าหลายตา เจ้าอยู่กับพ่อจะดีกว่า”
หยุนเชวี่ย “…”
คนขับรถม้าหันหัวม้ากลับพลางเอ่ยถาม “มุ่งหน้าไปทางใต้ใช่หรือไม่ขอรับ?”
หยุนลี่เต๋อมองดวงอาทิตย์ที่คล้อยตกลงบนเส้นขอบฟ้าทางทิศตะวันตกพลางส่งเสียง ‘อืม’ จากนั้นจึงครุ่นคิดเกี่ยวกับการแต่งงานของหยุนชิ่วเอ๋ออย่างละเอียด คิ้วพลันขมวดมุ่นทันที หยุนลี่เต๋อภาวนาให้สิ่งที่ตนคิดนั้นไม่ใช่เรื่องจริง ทว่าเมื่อคิดทบทวนดูแล้ว ทุกสิ่งยิ่งทวีความน่าสงสัย
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ” รถม้าจอดอยู่ข้างหน้าจวนตระกูลจาง ทว่าหยุนลี่เต๋อยังคงติดอยู่ในห้วงความคิด หยุนเชวี่ยจึงผลักบิดาเบา ๆ เพื่อเรียกสติ
“ท่านพ่อเป็นอะไรไปเจ้าคะ?”
“ไม่มีอะไร เจ้ารออยู่บนรถม้าล่ะ พ่อจะลงไปถามเอง”
หยุนลี่เต๋อลูบใบหน้าก่อนกระโดดลงจากรถม้าแล้วเดินไปเคาะประตูจวน เขาพูดคุยกับคนรับใช้ที่ออกมาเปิดประตูสองสามคำ จากนั้นอีกฝ่ายก็ส่ายศีรษะด้วยสีหน้าไร้อารมณ์พลางโบกมืออย่างเหลืออดและปิดประตูทันที
“ไม่ใช่ที่นี่” หยุนลี่เต๋อหันหลังกลับพลางกล่าวว่า “เราหาที่พักกันก่อนเถิด เมื่อครู่ข้าเห็นโรงเตี๊ยมตั้งอยู่บนถนนที่เพิ่งผ่านมา เรากลับไปตั้งหลักที่นั่นแล้วค่อยออกตามหาอีกครั้ง”
“มิใช่ว่าพวกเรามาเมืองหลวงเพื่อคว้าน้ำเหลวหรอกนะ?” หยุนเชวี่ยพึมพำ เมื่อรู้สึกเหน็ดเหนื่อยนางมักกล่าวตำหนิอย่างไม่รู้ตัว “แล้วจดหมายที่เราส่งให้นางก่อนหน้านี้หายไปที่ใด?”
หลังจากที่นางกล่าวเช่นนั้น สีหน้าของหยุนลี่เต๋อก็เคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม
บนซองจดหมายที่ส่งให้หยุนชิ่วเอ๋อมีเพียงชื่อของนางและชื่อตระกูลจางเท่านั้น ซึ่งปกติแล้วจะถูกส่งไปยังเรือนแต่ละหลังโดยเจ้าหน้าที่
หยุนลี่เต๋อรู้เพียงว่าหยุนชิ่วเอ๋อแต่งงานกับคุณชายตระกูลจาง ซึ่งเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลในเมืองหลวง ทว่าเขากลับไม่ทราบชื่อของหัวหน้าตระกูล
เขาคิดว่าตระกูลจางเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงจึงง่ายต่อการตามหา แต่เมื่อคิดดูอีกครั้ง จดหมายเหล่านั้นอาจไม่เคยส่งถึงมือหยุนชิ่วเอ๋อสักครั้ง
“ไปกัน…” หยุนลี่เต๋อตั้งใจจะกลับไปวางแผนใหม่ที่โรงเตี๊ยม และสอบถามเถ้าแก่ว่าจดหมายของคนธรรมดาถูกนำไปรวมไว้ที่ใด หลังจากที่เขาพูดจบ จู่ ๆ หยุนเชวี่ยก็ชี้ออกไปข้างนอกหน้าต่าง “ท่านพ่อ ดูสิ!”
หยุนลี่เต๋อมองตามนิ้วมือของบุตรสาวและเห็นว่าประตูจวนตระกูลจางถูกเปิดออก จากนั้นเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ด แต่งกายด้วยเสื้อผ้าชั้นดีเดินออกมา
“ท่านพ่อ ท่านลองดูให้ละเอียดสิ เขาคือคุณชายที่เคยเดินทางไปบ้านของเรากับคนรับใช้มิใช่หรือ?” หยุนเชวี่ยมองเด็กหนุ่มอย่างไม่คลาดสายตา
“…” หยุนลี่เต๋อหรี่ตามองพลางรู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ช่างคุ้นตานัก
เด็กหนุ่มเดินผ่านประตูพลางหันมองหยุนลี่เต๋อและหยุนเชวี่ยพร้อมขมวดคิ้วก่อนเดินไปตามถนน หยุนเชวี่ยผุดลุกขึ้นก่อนกระโดดลงจากรถม้าแล้วไล่ตามอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วขณะตะโกนเสียงดัง “ช้าก่อนคุณชายจาง!”
เด็กหนุ่มไม่สบอารมณ์อย่างมาก เขาหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับไปมองหยุนเชวี่ยด้วยสายตาไม่พอใจ
“คุณชายจาง เป็นท่านจริง ๆ ด้วย” หยุนเชวี่ยยิ้มกว้าง
เด็กหนุ่มหรี่ตาลง “เจ้าคือผู้ใด?”
“ท่านจำข้ามิได้หรือ? เราเคยพบกันเมื่อปีก่อนเจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยกล่าว “มณฑลอันผิง หมู่บ้านไป๋ซี ท่านและคนรับใช้ของท่านเคยเดินทางไปยังบ้านของข้าเพื่อพูดคุยเรื่องแต่งงานและมอบเงินสินสอดห้าร้อยตำลึง!”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น เด็กหนุ่มก็จำได้ทันควัน เขาเผยสีหน้าเหยียดหยามพร้อมขมวดคิ้วก่อนเดินจากไป
หยุนเชวี่ยเข้าไปขวางทางเขาโดยไม่กล่าวคำใด นางเพียงหยุดฟังเด็กหนุ่มพูดอย่างหมดความอดทน “ครอบครัวเจ้ารับเงินไปแล้ว มีพยานรู้เห็นทุกอย่าง พวกเจ้าไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลง ทั้งยังกล้าทำเรื่องคอขาดบาดตาย ตอนนี้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นจึงคิดจะเพิ่งพาตระกูลจางรึ? ไร้ยางอาย!”
หยุนเชวี่ยงุนงง
เด็กหนุ่มแค่นเสียงอย่างเย็นชาก่อนเดินจากไปอีกครั้ง
“ช้าก่อน ช้าก่อน” หยุนเชวี่ยตะโกนเรียกพลางเดินตามอีกฝ่าย “ท่านบอกว่าลุงใหญ่ของข้าเป็นเจ้าเมืองได้เพราะหยุนชิ่วเอ๋อแต่งงานกับคนตระกูลจาง? เช่นนั้นหยุนชิ่วเอ๋อ นาง…”
“นางไม่ได้อยู่ที่จวนของตระกูลจางนานแล้ว” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เรื่องภายในครอบครัวของเจ้าไม่เกี่ยวกับตระกูลจาง ไปให้พ้นหน้าข้าเสีย…”