ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 744 ฝ่าบาท กระหม่อมทำเพื่อใครกัน
ตอนที่ 744 ฝ่าบาท กระหม่อมทำเพื่อใครกัน
ใต้เท้าอันวิ่งเต้นเพื่อซ่งฝูเซิงที่เขาไม่รู้จัก
เมื่อข้อสอบฉบับนี้ไปถึงหน้าพระพักตร์ คิดดูก็รู้ว่ายังจะเป็นการล่วงเกินคนบางคนอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย
แค่เพราะเขารู้สึกว่าไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรมเหลือเกิน
เหมาจวิ้นอี้รู้จักซ่งฝูเซิง
เขาวิ่งเต้นให้ซ่งฝูเซิง
เพียงเพราะเขาอยากได้ลูกน้องที่รู้งาน เป็นงาน ตั้งใจทำงานจริง จะได้ไม่ต้องเสียเวลามากมาย
สรุปว่าซ่งฝูเซิงไม่เคยโดดเดี่ยว ใครกล้าพูดบ้างว่าเขาไม่มีคนหนุนหลัง
รัชสมัยนี้มีขุนนางมากมายที่เหมือนใต้เท้าเหมากับใต้เท้าอัน
“ขุนนางเหมา มีเรื่องอันใด”
ภายในห้องทรงพระอักษร
อัครเสนาบดีลู่ เสนาบดีกรมทหาร เสนาบดีกรมคลัง เสนาบดีกรมโยธาธิการ รวมถึงขุนนางที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทำสงครามต่างก็อยู่ด้วย มีทั้งหมดสิบคน
ก่อนหน้านี้พวกเขากำลังหารือกับฮ่องเต้เรื่องการศึกในแนวหน้า
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
“กระหม่อมขอบังอาจทูลขอให้ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรข้อสอบจอหงวนฉบับนี้พ่ะย่ะค่ะ”
บรรดาใต้เท้าที่อยู่ด้านล่างต่างแปลกใจ
เดิมทีคิดว่ารองเสนาบดีเหมาจะมาหาฮ่องเต้เพื่อรายงานเรื่องบัญชี
ระยะนี้รองเสนาบดีเหมาชอบมาปั้นหน้าเศร้าบอกฮ่องเต้ว่าเงินร่อยหรอ
เสนาบดีกรมคลังคิดในใจ
ไม่สู้เจ้ามาร้องไห้คร่ำครวญเรื่องเงินหมด
ขอให้ฝ่าบาทดูกระดาษข้อสอบเนี่ยนะ เจ้าทำให้ข้าไปไม่ถูก
ได้ยินว่ากระดาษข้อสอบของคนที่สอบได้สามอันดับแรกถูกนำมาให้ฝ่าบาทแล้ว แล้วเจ้าไปเอามาจากไหนอีก
เสนาบดีกรมคลังมองรองเสนาบดีเหมาก่อน จากนั้นก็เหลือบมองฮ่องเต้ที่รับกระดาษข้อสอบไปอ่านแล้ว เห็นนิ้วของฮ่องเต้ที่จับข้อสอบขยับเล็กน้อย เขาหลุบตาลงแบบไม่ทันให้สังเกต
ดูท่าผู้เข้าสอบคนนี้อย่างน้อยก็มีหนึ่งความคิดที่ถูกพระทัยฝ่าบาท
“ฉบับนี้ตกหล่นรึ”
ขณะที่ฮ่องเต้ถามออกไปยังมีความหวัง
หวังว่านี่จะเป็น ‘อันดับสี่’
ส่วนรองเสนาบดีเหมาคิดว่านี่ควรเป็นข้อสอบของสามอันดับแรก เขียนได้มีหลักการ ถึงได้มาขอให้ฮ่องเต้ช่วยดู
“ทูลฝ่าบาท นี่คือข้อสอบของผู้สอบตกพ่ะย่ะค่ะ”
ใต้เท้าเหมาตอบไปแค่นี้แล้วไม่อธิบายอะไรอีก เขาเป็นคนแบบนี้มาตลอด
ดีหรือไม่ดี ยุติธรรมหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะบอกได้ ต้องให้ฮ่องเต้ตัดสินใจ
เกิดความเงียบที่เพียงใบไม้ร่วงหล่นก็ได้ยินขึ้นในห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้มีสีหน้าที่แปลกไป
หลี่เต๋อเฉวียนทำมือบอกให้พวกนางรับใช้ที่มีหน้าที่เติมชาถอยออกไป
“ท่านอัครเสนาบดี?”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
อัครเสนาบดีลู่เดินขึ้นหน้า รับกระดาษข้อสอบมา
ฮ่องเต้ยืนอยู่หน้าแผนที่ภูเขาและแม่น้ำ สองมือไพล่หลัง พูดกับขุนนางคนอื่นๆ “พวกท่านก็ลองอ่านดูด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
คนเหล่านี้รีบขยับเข้าไปหาอัครเสนาบดีลู่ รีบอ่านดู พยายามประหยัดเวลาให้ฮ่องเต้มากที่สุด
เวลานี้อัครเสนาบดีลู่แค่อ่านไปส่วนหนึ่งก็เดาได้ในใจ
มือของเขาที่จับข้อสอบชะงัก จากนั้นถึงอ่านต่อ
อัครเสนาบดีลู่ที่น้อยครั้งจะมีความคิดเห็นแก่ตัว ยิ่งอ่านก็ยิ่งเริ่มโมโหอยู่ในใจ
มหาบัณฑิตเมิ่ง ทำเกินไปแล้วนะ
ต่อให้ในคำตอบเหล่านี้มีความคิดที่ล่อแหลมเกินไปบ้าง
เจ้าเป็นหัวหน้าคุมสอบจะไม่ให้ติดสามอันดับแรกยังพอว่า
แต่เจ้ากลับให้จวี่เหรินยอดเยี่ยมที่พบเจอได้น้อยมากและยามนี้กำลังขาดแคลนสอบตก ทำเกินไปแล้ว
ใต้เท้าคนอื่นๆ ก็มองหน้ากัน
พูดตามตรง ไม่ว่าจะเป็นคำตอบของคำถามปัญหาบ้านเมืองข้อไหนก็ตอบได้สมเหตุสมผล มีข้ออ้างอิงจากประวัติศาสตร์
มีใต้เท้าสองคนถึงขั้นที่รู้สึกจากใจว่าผู้เข้าสอบคนนี้วาจาฉะฉาน แม้ความคิดบางอย่างพวกเขาอ่านแล้วจะเสียดแทงใจ แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าวิเคราะห์ได้ตรงจุดตรงประเด็น
สรุปได้ว่า อ่านแล้วชวนให้กระอักกระอ่วนใจ แต่ก็เถียงไม่ได้เหมือนกัน
ตอนนี้ฮ่องเต้ให้พวกเขาอ่านด้วย มาถึงตอนนี้คงไม่มีใครโง่ ไม่รู้ว่าฮ่องเต้รู้สึกชื่นชมผู้เข้าสอบคนนี้มาก ท่าทีของฮ่องเต้ประจักษ์อยู่ตรงหน้า แต่จวี่เหรินผู้นี้กลับถูกตัดสินให้สอบตก
เขาสอบตกได้อย่างไร
นั่นสิ ตกไปแล้ว
สำหรับพวกเขา นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
เรื่องสำคัญคือ อีกเดี๋ยวถ้าฮ่องเต้ถามความคิดเห็นของพวกเขาจะตอบอย่างไร
ดูจากวิธีตอบข้อสุดท้ายก็รู้ได้ว่ายังเขียนไม่จบ
อย่างไรเสียห ากจำนวนอักษรเกิน กระดาษคำตอบจะถูกหักคะแนน
แต่มีใต้เท้าหลายคนคิดในใจ
กระดาษข้อสอบฉบับนี้ คำถามพื้นฐานข้างหน้าพวกเขาก็กวาดตามองคร่าวๆ แล้ว ซึ่งก็น่าจะตอบถูกหมด ด้านหลังแสดงทัศนคติที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ต่อให้หักคะแนนอย่างไรก็ไม่ควรถึงขั้นที่สอบตก
ถ้าอย่างนั้นหากฮ่องเต้ถามขึ้นมา พวกเขาก็จะตอบว่า เกรงว่าที่สอบตกจะเป็นเพราะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นที่รู้กันว่าไม่อนุญาต
เสนาบดีกรมคลังยืนอยู่ด้านหลังอัครเสนาบดีลู่ คิดในใจ แบบนี้มันไม่สมเหตุสมผล
ผู้เข้าสอบคนนี้แค่ยกข้อมูลบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้มาพิสูจน์ความจริงในการยกตัวอย่าง
ถ้าผู้เข้าสอบบอกประวัติของตัวเอง คิดๆ ดูยังไม่ทันตรวจเสร็จก็คงถูกจับมาสอบสวนแล้ว
มิน่า
ใต้เท้าเสนาบดีกรมคลังเหลือบมองเหมาจวิ้นอี้
ในเวลานี้เองฮ่องเต้ได้พูดขึ้น “ประกาศผลไปแล้วรึ”
แค่ประโยคนี้ อัครเสนาบดีลู่ที่รู้จักนิสัยของฮ่องเต้เป็นอย่างดีก็รีบเดินขึ้นหน้า “ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”
นี่เป็นการสอบจอหงวนที่หยุดมาหลายปี ทั่วทั้งแผ่นดินต่างจับตามอง
การฉีกประกาศผลแล้วติดประกาศใหม่จะทำให้ความน่าเชื่อถือของการสอบจอหงวนลดลง
ฮ่องเต้หันมา
นึกไม่ถึงว่าคนที่ออกมาคัดค้านคนแรกจะเป็นอัครเสนาบดีลู่
ท่านจะเดาไม่ออกเชียวหรือว่าผู้ที่สอบตกคนนี้คือใคร ท่านยังเคยเอ่ยถึงเขาให้ข้าฟัง
อัครเสนาบดีลู่ ใช่ ข้าต้องเป็นคนแรกที่ก้าวออกมาคัดค้าน
อีกทั้งเขายังรู้ดีแก่ใจ ฝ่าบาทจะต้องคิดแน่นอนว่า ผู้มีสติปัญญามากที่สุดเท่านั้นถึงจะเป็นความน่าเชื่อถืออย่างแท้จริงของการสอบจอหงวน
แต่เขาก็ยังคงอยากเตือนว่า ห้ามทำเด็ดขาด
บรรดาใต้เท้าคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องทรงพระอักษรได้ฟังก็แอบหวั่นใจ
นับตั้งแต่ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ยอมให้มีข้อขัดแย้งแม้แต่นิดเดียว
พวกเขาคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าฮ่องเต้จะพอใจคำตอบของข้อสอบฉบับนี้จนถึงขั้นเกิดความคิดจะประกาศผลสอบใหม่
“ได้โปรดทรงไตร่ตรอง”
“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นด้วยกับท่านอัครเสนาบดี”
“ขุนนางเหมา ท่านคิดเห็นอย่างไร”
เหมาจวิ้นอี้ตอบ “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าควรยึดตามประกาศผลอันเดิมพ่ะย่ะค่ะ”
หึ
ได้
ดีมาก
คำพูดในนั้นแทงใจดำของพวกท่านใช่ไหมล่ะ
แบบนี้เรียกว่าเคียงข้างจักรพรรดิดุจเคียงข้างพยัคฆ์ จะถูกพาลโกรธเอาได้ง่ายๆ
“เรียกเมิ่งจิ่งอวี้มา”
หลี่เต๋อเฉวียนรีบออกไปถ่ายทอดคำสั่งให้ใต้เท้าเมิ่งมหาบัณฑิตแห่งตงเก๋อเข้าวัง
…
จวนเมิ่ง
หัวหน้าคุมสอบมหาบัณฑิตเมิ่งถูกเรียกเข้าไปต่อว่าในวังเสร็จกลับมาก็นั่งดื่มสุราอยู่คนเดียว
กรอกเหล้าเข้าปากไปมาก
ขุนนางใหญ่ขั้นสอง รูปร่างซูบผอม ดวงตามีน้ำตาคลอ
ใต้เท้าเมิ่งรู้สึกน้อยใจ
เขาเสียใจที่ตัวเองไม่ได้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ต่อให้ต้องตัดสินอีกครั้ง จากประสบการณ์ที่เขาศึกษาตำรามาหลายสิบปี เขาก็ยังคงตัดสินแบบเดิม
เขาเสียใจต่อการตัดสินใจของฮ่องเต้
เพราะตอนนั้นเขาถามว่า “ฝ่าบาท หากพระองค์ตัดสินพระทัยเช่นนี้ มิเท่ากับตบหน้ากระหม่อมต่อหน้าผู้ศึกษาหาความรู้ในใต้หล้านี้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ตอบว่าอะไรนะ
ฮ่องเต้ตอบว่า “ทำไม ข้าตบหน้าท่านมิได้รึ”
ตบได้ ได้สิ
ฮ่องเต้สั่งสอนขุนนาง ขุนนางไม่จงรักภักดี สมควรตาย
พูดจาไม่เหมาะก็สมควรตาย
ฮ่องเต้ต้องการให้ขุนนางตาย ขุนนางไม่ตายไม่ได้
ฮ่องเต้ตรวจสอบขุนนางได้ แต่ขุนนางห้ามมีข้อกังขาในตัวพระองค์
นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมกระหม่อมถึงตัดสินให้คนผู้นี้สอบตก
หากให้คนผู้นี้มาตอบ ฝ่าบาท พระองค์รู้หรือไม่ว่าเขาจะตอบอย่างไร เขาก็คงบอกว่าฝ่าบาทก็มีจุดบกพร่องเหมือนกัน ฝ่าบาทต้องการให้เขาตาย เขาก็ต้องได้รู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องตาย
ฝ่าบาท นี่ก็คือจุดที่เป็นอันตรายของความคิดในตัวคนผู้นี้ เป็นจุดที่กระหม่อมไม่เห็นด้วย
ต่อให้ไม่มีคำถามแบบนี้ แต่ดูจากการตอบคำถาม กระหม่อมก็มองนิสัยของคนผู้นี้ออก
กระหม่อมคิดว่า คนแบบนี้ดูแลราษฎรไม่ได้
เขาเป็นอันตราย มีความเป็นไปได้ที่เขาจะไม่เชื่อฟังพระองค์